วันนี้ระหว่างอ่านหนังสือ "ความสุขโดยสังเกตุ" ของพี่นิ้วกลมระหว่าทางก็เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
คือ เป็นเรื่องราวของความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจตอนที่เราเจอเหตุการณ์หนึ่ง แถมถัดจากนั้นยังได้มีโอกาสที่ดี ในการให้คำปรึกษากับเพื่อนคนนึง ซึ่งเขาเริ่มบทสนทนาด้วยคำว่า "เวลาที่ไม่สบายใจมากๆควรแก้ยังไง" จากนั้นก็ทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดีเลยครับ
เวลาใครมาขอคำปรึกษาเนี่ยจากประสบการณ์เลยนะ สิ่งที่ควรทำอย่างสุดท้าย คือ การพูด สิ่งที่ควรทำมากที่สุด คือ การฟัง อย่าสะเออะ (บอกตัวเอง) ไปบอกอะไรเขาก่อนจะเข้าใจความรู้สึกเขาก่อน เข้าใจเรื่องราวเขาก่อน ค่อยๆยิงคำถามให้เขาพูดมาให้หมดก่อน ค่อยแนะนำเขา จริงๆวิธีการแนะนำที่ดีที่สุด คือ การทำให้คำตอบผุดขึ้นมาในใจของเขาเอง แบบนั้นเขาเรียกแนะนำขั้นเทพ แต่ในบางกรณีมันยากก็เปลี่ยนมาเป็น พูดให้เขาเข้าใจเรื่องราวของตัวเขาเองอาจจะง่ายกว่ามาก แล้วแบบมืดแปดด้านจริงๆก็ลองบอก know how เขาดู ง่ายสุด แต่ผลลัพธ์ในระยะยาวแย่สุด
ในกรณีนี้แนะนำเพื่อไปว่า "ปัจจุบันคนชอบทำให้ความสุขมันยากเพราะ ego แท้ๆ ต้องทำให้มันยากเข้าไว้ สร้างเงื่อนไขในการมีความสุขให้มากเข้าไว้ เพียงเพื่อเวลาตนเองมีความสุขมันรู้สึกว่าคนอื่นสุขน้อยกว่า แต่มันเป็นแบบนั้นจริงๆเหรอ ในโลกปัจจุบันเราไม่มีเครื่องมือที่ใช้วัดขนาดของความสุขได้ แต่ลึกๆเราเชื่อเสมอว่า ความสุขง่ายๆ ก็คงมีขนาดไม่ต่างจากความสุขยากๆเท่าไรนัก แล้วเราจะจำกัดความสามารถในการมีความสุขของตัวเองทำไม"
"คนเรานี่ก็แปลกชอบเอาความสุขไปแขวนไว้กับคนอื่น เหมือนเราล็อกบ้านแล้วเอากุญแจไปฝากไว้กับคนอื่น พอจะเข้าบ้านเขาไม่รีบมาเปิดให้ก็โกรธ ปัญญาอ่อนไหมหล่ะ"
"เราบอกความลับให้สามข้อเอาไหม 1) ถ้าเราไม่ให้คิดถึง ช้างสีชมพู ตอนนี้คิดถึงอะไร ? ช้างสีชมพู ใช่ ความคิดมันโตได้จากสองอย่าง 1 ต่อยอดมัน 2 ห้ามมัน คือมันไม่เข้าใจหลอกว่าเรากำลังห้ามมันจะสร้างภาพมาแทนที่ภาพปัจจุบันเสมอ เช่น ไม่อยากกินข้าวขาหมู พอนึก ข้าวขาหมูก็ลอยมา ถ้าไม่อยากคิดถึงข้าวขาหมูต้องลองนึงถึงอย่างอื่น ก๋วยเตี๊ยว เป็นต้น นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมคนที่บอกตัวเองว่าเกลียดแฟนเก่าถึงลืมแฟนเก่าไม่ได้สักที
2) เราเคยได้ยินมาบ้างไหมว่า ถ้าจิตใจไม่ดีก็พาลให้ร่างกายไม่ดีด้วย เช่น เจ๊บออดๆแอดๆ แต่จริงๆแล้วร่างกายกับสมองมันทำงานคู่กัน ไม่เชื่อลองหายใจเข้าลึกๆทำท่าคนวิ่งเข้าเส้นชัย รู้สึกดีไหม? ต่อมาลองขมวดคิ้ว นั่งหลังงอ เป็นไงรู้สึกแย่ไหม?
3) เวลาเราต้องทำหลายหน้าที่หรือหลายๆงานเราจะสับสน และคิดวนไปวนมางง เหมือนคนแก่ที่พูดเรื่องเดิมซ้ำๆ จริงๆแล้ว ถ้าเราไปคุมความคิดดีความคิดมันจะวนเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นอย่าคิดมากไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด ต่อมาขอพูดเรื่อง working memory คือ สมองมนุษย์เราจะใช้ส่วนนี้สำหรับจำงานหรือสิ่งที่ต้องทำต่างๆ (เปรียบเสมือน ram ของ computer) ซึ่งปกติจะจำได้ 6-8 อย่าง ดังนั้นเวลาเราเจอปัญหาเข้ามาหลายๆด้าน ram ของเราจะเต็ม ส่งผลให้สมองทำงานช้า พะวงหน้า พะวงหลัง วิธีแก้ คือ จดลงไปในกระดาษ สมองจะเคลียร์ข้อมูลส่วนนั้นลงไปในกระดาษด้วย ที่ดีคือ จดสิ่งที่ต้องทำลงไปในกระดาษให้หมดเลยก็ได้ครับ"
สุดท้าย เคล็บลับ เพิ่มเวลาจากเมื่อวานคือ "ทำทีละอย่าง"
งานที่สำคัญที่สุดคือ "งานตรงหน้า"
คนที่สำคัญที่สุดคือ "คนตรงหน้า"
เวลาที่มีค่าที่สุดคือ "เวลานี้"
จากการอ่านหนังสือ การสังเกตุเหตุการณ์รอบๆตัว การให้คำปรึกษา ทำให้ผุด Project ใหม่ขึ้นมา คือ Project JOB (อารมณ์ประมาณ project alice ในผีชีวะ) ซึ่ง Project นี้เชื่อว่าถ้าอยากได้ก็ต้องให้
คือถ้าอยากเห็นสังคมรอบตัวมีความสุข ก็ต้องหมั่นเติมความสุข สู่สังคม
หรือถ้าอยากให้งานออกมามีคุณภาพ ก็ต้องหมั่นเติมความใส่ใจรายละเอียดให้กับงานนั้น
วัตถุประสงค์เก่าๆ ไม่ว่าจะเป็นการเทรด การเรียน ดร. การเพิ่มความสามารถให้ตนเอง ครอบครัว ยังคง concept เดิม แต่ขอเพิ่ม ความสุข เข้าไปในทุกงานละกัน
ความสุขคล้ายผงชูรส ใส่เข้าไปในงานชิ้นไหนก็ทำให้งานชิ้นนั้นดูมีความหมายมากขึ้น น่าทาน เอ่ย น่าทำมากขึ้น แต่ใส่มากๆก็ต้องระวัง
เลยขอปรับรูปแบบใหม่สักหน่อย
การโมโหตัวเองที่ตัวเองนอนดึก เลยบังคับให้ตัวเองตื่นเช้ากว่าปกติ เริ่มส่งผลต่อกิจกรรมต่างๆในวันนี้พอสมควร แต่เพื่อความสมดุลในระยะยาวต้องทำ (คนบ้าอะไรโมโหตัวเองเพราะนอนดึกเลยบังคับให้ตัวเองตื่นเช้า ปัญญาอ่อน)
ไม่ตั้งใจเรียน #ความผิดพลาดที่1
ไปเรียนสาย #ความผิดพลาดที่2
อ่านหนังสือน้อยกว่าที่ตั้งใจ #ความผิดพลาดที่3
ไม่อ่านข่าวภาษาอังกฤษ #ความผิดพลาดที่4
ไม่ทำโจทย์ ad math ตามที่ตั้งใจไว้ #ความผิดพลาดที่5
ช่วงนี้หุ้นที่มีติด flow ไป 2 คือ Salee ถ้าวันนี้ไม่ทำ 1.35 อาจจะขายทิ้ง Apcs ที่หาจังหว่ะขายไม่ได้
หุ้นที่ติดก็มี Arrow รออยู่ กับที่พึ่งซื้อจะเป็น Asefa ที่ค่อยๆไป ไว้ขายเราจะมาวิเคราะห์กันเนอะว่าทำไมซื้อ ทำไมขาย วิเคราะห์ตอนนี้กดดันตัวเองป่าวๆ
ปล. ถ้าตัวอื่นช่วยได้นะ
วันนี้ไปกินข้าวกะเพื่อน แล้วต่อด้วยคาเฟ่แมว เอารูปมาฝาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น