ผมเริ่มต้นวันแรกของสัปดาห์ด้วยการนอนดึก ซึ่งนอนด้วยความจำเป็นอย่างยิ่งเพราะว่าการบ้านวิชา Advance Math มีกำหนดส่งพรุ่งนี้ ซึ่งมันก็เป็นแรงขับเคลื่อนชั้นดีให้กับผมเร่งมันจนเสณ็จตอน ตี 3 นิดๆ ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมวันนี้เขียนช้า แล้วนับวันการบ้านยิ่งมากเข้าๆ แถมยากอีกตั้งหาก แต่จะทำไงได้ในเมื่อดัน Bet วิชานี้กะรุ่นพี่ที่คณะด้วยปลาเผาไปแล้ว ต้องขยันมากๆหน่อย
ตอนเด็ก ๆ ผมมีความเชื่ออย่างนึงเสมอว่า "คนเราถูกขับเคลื่อนด้วยด้วยความฝัน ด้วยเป้าหมาย เมื่อเราฝันไว้ยิ่งใหญ่เราก็จะมีแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ผลักดันให้เราเดินไป" พอโตขึ้นมาผมกลับพบว่าเป้าหมายนั้นเป็นสิ่งสำคัญ เป็นสิ่งที่ต้องมี แต่ไม่ใช่สิ่งที่ต้องยึด
ผมว่าผมเป็นคนหนึ่งที่คลั่งไคล้การตั้งเป้าหมายมาก เวลาผมพิชิตมัน ผมรู้สึกถึงความสุขที่ถูกเติมเต็มในใจ ผมแทบจะตั้งทุก ๆ อย่างที่ผมทำ เป็นเป้าหมายหรือเส้นชัยที่ให้ผมได้พิชิตมันเสมอ ผมเป็นคนตั้งเป้าหมายแบบเกือบเอื้อมถึงเสมอ แน่นอนว่าหลายๆครั้งผมมักจะเอื้อมไม่ถึง ข้อดีที่ผมพบผมยังมีเป้าหมายอีกมากมายให้ได้พิชิต
เมื่อเวลาผ่านไป อะไรที่เราเคยทำ ยิ่งทำซ้ำๆมันจะตกตะกอนเป็นความรู้เสมอแม้เราจะไม่อยากให้เป็น มีบางคำถามวนเวียนเข้ามาในหัวผมเสมอ ทำไมหลายๆครั้งผมทำสำเร็จแล้วผมถึงรู้สึกเฉยๆ หรือทำไมตอนที่ผมกำลังทำอะไรสักอย่างแล้วผมรู้สึกไม่มีความสุขเลย เป้าหมายคือสิ่งที่ผมตามหาจริงๆใช่ไหม
มีคนได้กล่าวไว้ว่า "คำถามที่ดีจะพาคุณไปหาคำตอบที่ใช่" ผมเริ่มหาคำตอบว่าทำไมระหว่างทางไปเป้าหมายผมถึงไม่มีความสุข ระหว่างพักผมก็บังเอิญสังเกตเห็น เรื่องราวของ พี่เซ่ เด็กนอกคอก (ที่พี่เขาเรียกตัวเองนะ) พี่เขามีความฝันที่จะเป็นนักออกแบบ แล้วเวลาเขาพูดถึงงานของเขา เวลาเขาทำงานทำไมแลดูเขามีความสุขจังวะ เลยตามไปดูอีกหลายๆคนที่ Success เห่ย เวลาเขาพูดถึงสิ่งที่เขาเป็น สิ่งที่เขาทำ และเวลาที่เขาทำมันมีความสุข ดูเหมือนเขาอินไปกลับมัน ทำอย่างไรเราจะเป็นแบบนี้ได้วะ (คิดในใจ)
คำถามที่ถูกพาไปหาคำตอบที่ใช่เสมอ อ่อ เรา "โฟกัส" ผิดที่ เราไปจับจ้องที่เป้าหมาย ไม่ใช่ "วิธีการ" ( Process ) มันทำให้เราพลาดอะไรหลายๆอย่าง ความจริงความสำเร็จมันวัดกันตรงนี้แหละ เรามักจะไปจับจ้อมที่เป้าหมายมากเกินไป เป้าหมายมันเหมือนกับประตูที่นักฟุตบอลยิงได้ ถามว่าคุณค่าของเขาเรามองที่ไหน ประตูที่ทำได้ หรือฝีเท้าของนักเตะ เห่ย ถ้าโรนัลโด้ยิงลูกโทษไม่เข้าเราจะบอกว่าเขาไม่มีฝีมือหรือไม่มีดวง ใช่ ผมบอก ไม่มีดวง จริงๆเรื่องของการทำให้ประสบความสำเร็จหรือบรรลุเป้าหมาย ต้องยอมรับมันมีเรื่องความไม่นอนมาเกี่ยวข้องเสมอ การที่ทำตามกระบวนการที่ใช่มันแค่เพิ่มความน่าจะเป็น ไม่ใช่ต้องเป็นไปอย่างแน่นอน อย่างถ้าคนนึงฝึกหนักมาก กับอีกคนไม่ฝึกเลย แต่คนหลังดันทำคะแนนดีกว่าแปลว่าคนแรกไม่มีฝีมือใช่ไหม ก็ไม่ใช่ ดังนั้นผมได้ตระหนักว่า คุณค่าที่แท้จริงของเป้าหมายไม่ได้มีไว้แขวนความสุข แต่เป้าหมายมีหน้าที่สำคัญ 2 อย่าง คือ
1 เพื่อกระบวนการ คือ สมมติเราปีเป้าหมายว่าจะเป็นเชฟ เราก็เริ่มหาแล้วว่าเชฟคืออะไร เชฟเก่งๆมีใครบ้าง แล้วเขาเก่งขึ้นมาได้อย่างไร เราจะได้กระบวนการจากตรงนั้น นี่ความสำคัญอย่างแรกของเป้าหมาย
2 เพื่อตราจสอบกระบวนการ คือ ถ้าเราเกิดพลาด การที่เราไม่ได้ตามที่หวังไว้แสดงว่าแผนของเรา (Process) มันต้องมีอะไรผิดสักอย่างแน่ๆ หาให้เจอแล้วแก้ไขมัน นั่นคือสิ่งที่ควรทำเมื่อไม่ได้ตามเป้าหมาย นี่คือประโยชน์อีกข้อของเป้าหมายของผม ซึ่งของคนอื่นอาจจะมีมากกว่านี้ก็ไม่ได้ว่ากัน อาจจะเอาไว้สร้างกำลังใจ ฯลฯ
สิ่งที่สำคัญและเราควรตระหนัก คือ กระบวนการ มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยถ้าได้ลงมือทำอะไรสักอย่างแล้วต้องไปมีความสุขปลายทางเพียงอย่างเดียว แล้วถ้าสุดท้ายปลายทางมันไม่มีอะไรหล่ะ ถ้าสุดท้ายปลายทางมันไม่มีความสุขที่เราตามหาหล่ะ จะทำอย่างไง
Focus in The Process สำหรับผมคือ road map ในชีวิตตอนนี้เลย เพราะอย่างแรกถ้าเราเอาแต่โฟกัสเป้าหมายเราจะหลงทาง เหมือนเราหลงป้า เป้าหมายเราคือหมู่บ้าน ตัวที่นำทางเราคือแม่น้ำ ดาว พระอาทิตย์ ถ้าเราเอาแต่กังวลถึงหมู่บ้าน ไม่สนใจกระบวนการไม่นานเราก็หลงทาง ....
อีกตัวอย่าง คือ มีผู้ชายคนหนึ่งอยู่ด้านล่าง เขามองเห็นชายที่อยู่บนหอคอยสูง เขาคิดว่าคนนั้นต้องมีความสุขแน่ๆเลย เขาเลยหาทางปีนขึ้นไป เขาเฝ้าหาไม้ทีละชิ้น ทีละชิ้น มาต่อเป็นบันได ผ่านไปหลายปีเขาก็ต่อเสร็จ แล้วเขาก็ปีนขึ้นไปแล้วพบว่า "ข้างบนไม่มีอะไร มีเพียงห้องว่างๆ"
มันไม่สำคัญเลยว่าสุดท้ายคุณจะได้อะไรมา ที่สำคัญคือเรื่องราวอะไรที่คุณผ่านมา คุณค่าอยู่ตรงนั้น
ปล.เวลาศิลปินเขาขายงานเขาจะค่อยๆเล่าว่าเขาคิดอะไรเห็นอะไรแล้วทำอะไรกว่าจะมาเป็นงานชิ้นนี้ เล่าที่มาให้เขาฟังแล้วคนที่ฟังจะให้ราคาเอง cr. อ.เฉลิมชัย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น