วันนี้รู้สึกว่า energy เกลี้ยงมากแต่ผลงานได้น้อยนิดนึงเอาใหม่พรุ่งนี้ อย่าฝืนเป็นการฝึก energy management ข้อนึง คือ อย่าฝืนตามไปอ่านได้ที่ 7 Ways to Manage Your Energy แต่วันนี้จะขอข้ามไปก่อนไว้เล่าวันหลังนะครับ
ทำไมผมถึงมาเปลี่ยนจากเพียว technical มาออกแบบพอตใหม่โดยให้ความสำคัญกับ Risk management , Strategy , Asset allocation โดยมีรากฐานมาจากสูตรของ Ray Dario [ Return = Cash + Alpha + Beta] ซึ่งเหตุผลสำคัญมันมากจากคิดเล็กๆความคิดหนึ่งที่แว๊ปขึ้นมาตอนเรียนวิชา Advance Math. แต่ก่อนที่เราจะพูดถึงความคิดนั้นเราพูดถึงแนวคิดของ Heisenberg ก่อนดีกว่า
Heisenberg เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน และได้เป็นหัวหน้าโครงการพลังงานนิวเคลียของเยอรมัน มีเรื่องลือหนาหูบ้างก็ว่า เขาพยามทำนิวเคลียให้ฮิตเลอร์ แต่ไม่สำเร็จเยอรมันผ่ายสงครามซะก่อน บ้างก็ว่าเขาไม่ค่อยชอบฮิตเลอร์เลยพยามดึงงานที่เกี่ยวกับนิวเคลียร์ให้ช้าลง ไม่ทราบข้อเท็จจริงประการใด แต่หลังจากเยอรมันแพ้สงครามพบว่าที่ห้องแลปของ Heisenberg ไม่ได้ก้าวหน้าเท่าไหร่ในด้านการทำระเบิด แต่ที่น่าทึ่งคือทฤษฎีทางฟิสิกส์ที่เขาคิดไว้อย่าง Particle Physics และ Heisenberg ยังเป็นคนวางรากฐานที่สำคัญให้กับทฤษฏีควอนตัมซึ่งเป็น 1 ในสองทฤษฏีทางฟิสิกส์ที่สำคัญในยุดสมัยนี้ (ส่วนประวัติต้องไปหาอ่านเองนะครับ) ส่วนที่สำคัญและดังมากในวงการตอนนั้นคือ "หลักความไม่แน่นอนของ Heisenberg"
Heisenberg's Uncertainty Principle หรือหลักความไม่แน่นอนของ Heisenberg กล่าวไว้ว่า (ย่อมาแบบเข้าใจง่ายๆนะ) "ไม่มีทางที่จะบอกตำแหน่งของอนุภาคกับโมเมนตัมได้พร้อมๆกัน" (ยืมข้อความที่ขยายความมานะครับข้อความจริงๆมันจะวิชาการไป) หมายถึง ถ้าอนุภาคเคลื่อนที่มันจะมีโมเมนตัมถ้าเราจะบอกว่ามันอยู่ตำแหน่งไหนที่แน่นอนเราต้องจับให้มันหยุด แต่ถ้าเราต้องการทราบโมเมนตัมที่แน่นอนเราต้องให้มันเคลื่อนที่ ดังนั้นเราไม่มีทางรู้ทั้ง 2 ต่ำแหน่งพร้อมๆกันได้ ภาคทฤษฎีมีอีกเยอะแต่เขียนมากไปจะเบี่ยงประเด็นเปล่าๆ
อันนี้คือสมการความไม่นอนของ Heisenberg เดลต้าx คือ ความน่าจะเป็นของตำแหน่ง ส่วนเดลต้าp คือ ความน่าจะเป็นของโมเมนตัม
ระหว่างที่นั่งเรียน Advance math. ผมแว๊ปไปคิดถึง Heisenberg ผมก็แล้วนึกต่อไปว่า Heisenberg คิดเหมือนพระพุทธเจ้าเลย ถ้าเราเอาสมการไปจับเราจะพบสูตรในการหาความไม่แน่นอนของอนุภาค แต่ถ้าเราเอาความเข้าใจไปจับ Heisenberg กำลังบอกว่าทุกอย่างไม่เที่ยง
มีแค่ความไม่เที่ยงนั่นแหละเที่ยง แม้เทคนิคการทำกำไรก็ไม่เที่ยง เราพยามหาเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจเสมอ เช่น คำพูดของเซียน บทวิเคราะห์ หรือเครื่องมือทางเทคนิคคัลต่างๆ ถามว่าเราสามารถทำนายได้จริงไหม บอกเลยว่าไม่ เกือบทุกคนที่ทำนายตลาดมันจะใช้คำว่า"น่าจะ" เพราะเรารู้ว่าทุกครั้งที่เราทำนายมันมีโอกาสผิดอยู่เสมอ ยกตัวอย่างเช่น golden cross ราคาทำให้เกิด golden cross หรือ golden cross ทำให้ราคาเกิด ? เฉลย ราคาทำให้เกิด macd > 0 เกิดจากราคาสูง หรือ ราคาเกิดจาก macd > 0 ? ราคาทำให้เกิด แล้วเราจะทำกำไรจากความไม่แน่นอนได้อย่างไร
"เมื่อเราอยากได้กำไรที่แน่นอน บนราคาที่ไม่แน่นอน"
ผมกลับมาคิดว่า อะไร คือ สิ่งที่ทำให้ผมรอด บิงโก การควบคุมความเสี่ยง เพราะมันเป็นสิ่งหนึ่งที่เราควบคุมได้ในภาวะต่างๆที่ไม่แน่นอนของตลาด เราไม่รู้ว่าเขาคิดอย่างไง ทิศทางมันจะไปทางไหน ในเกมส์ที่ Big player มากเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็น สภาบันทางการเงินต่างๆ ผู้จัดการกองทุน หรือแม้กระทั่งธนาคารกลาง ถามว่าเราจะรู้ได้ไงว่าเขาจะเล่นอย่างไง ทางเดียวที่ผมคิดว่าเป็นทางรอดได้ คือ คาดการณ์ให้ได้ว่าเขาคิดยังไงแล้วลู่ไปตาม flow ของเงิน จากการสังเกตสถานการณ์ต่างๆ แต่ให้มั่นใจได้อย่างนึงเลยว่าเราจะไม่มีทางถูกทุกครั้งแน่นอน ดังนั้นทุกการคาดการณ์สมมติฐานเราต้องทำอย่างเสมอคือ ลดความเสี่ยง ลดความเสี่ยง และ ลดความเสี่ยง เพราะเวลาเราผิดเราจะเจ๊บน้อย ซึ่งเราจำเป็นต้องเจ๊บอยู่แล้ว แล้วเราก็จำเป็นต้องเสี่ยงด้วย ถ้าเงินหมดจะเอาที่ไหนไปเสี่ยงอีก
ดังนั้นใจความสำคัญอย่างแรกในการหา model คือ ลดความเสี่ยงให้ได้ ถ้าอยากทำกำไรที่แน่นอนจากตลาดที่ไม่แน่นอน
สุดท้ายแล้วมันต้องมีครั้งที่เราคิดถูก คนที่รวยจากตลาด คื ออยู่ให้ถึงครั้งนั้นก็พอ
การเกร็งกำไรในตลาดมันก็เหมือนการเล่น russian roulette เราไม่รู้ว่านัดไหนเราจะโดน
ที่สำคัญถ้าโดนต้องรอด!!!
ปล. russian roulette คือ การเอากระสุนปืนใส่ในปืนลูกโม่แล้วยิงหัวตัวเองทีละครั้ง (สมัยก่อนนะสมัยใหม่เค้าปรับปรุงวิธีละ)
วันนี้ risk port ลดลงจาก 5.18% เหลือ 5.00% ก็ยังอยู่ในเกณฑ์สูง ... ต้องลด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น