วันเสาร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2558

beginning Analytical Management 2 (Essential)

Saturday , 5 / 09 / 2015

        วันนี้มีโอกาสกลับมาเยี่ยม ป้า ตา ยาย และน้องๆ ที่ต่างจังหวัด คราวนี้รู้สึกว่า ตา ยาย แก่ขึ้นมากเลย เริ่มไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่เราพูดแล้ว ไม่ค่อยได้ยินแล้ว และหลายครั้งๆท่านก็ถามคำถามเดิมเราซ้ำๆ ต้องเข้าใจท่านให้มากขึ้น ต้องใจเย็นกับท่านให้มากขึ้น บางครั้งก็ต้องเรียกน้องมาคุยเวลาที่น้องหงุดหงิดเวลาตอบคำถามท่านซ้ำๆ เราต้องเข้าใจว่าท่านแก่แล้ว อะไรๆที่เคยทำได้ ใช้ได้ก็เริ่มจะเสื่อมไป ผู้สูงอายุบางท่านก็หงุดหงิดเป็นธรรมดา ต้องเข้าใจให้มากๆ ต้องใช้ความพยามในการประคองจิตมากกว่าปกติหน่อย หายใจลึกๆ ต้องเข้าใจเขานะ มันเป็นธรรมชาติของเขา รักเขาให้มาก ทำให้เขารู้ว่าเรารักเขา กอดเขาบ้าง จับเขาบ้าง เวลาเขาแก่เขาจะขี้กลัวกว่าตอนยังหนุ่มยังสาวเยอะนะ ทำให้เขารู้ว่าเรายังรักเขาบ้าง ฟังเขาเยอะๆชวนเขาคุยเรื่องเก่าๆบ้าง ฟังเขาบ่นบ้าง บางทีเขาบ่นก็เพราะเขาเหงาอยากหาเพื่อนคุยเท่านั้นเอง ดังนั้นถ้าช่วงไหนโดนบ่นบ่อยลองสังเกตุนะว่าช่วงนั้นให้เวลาเขาน้อยไปไหม เข้าใจเขาเยอะๆ รักเขาเยอะๆ เพราะเขาแก่แล้ว ไม่มีใคร ก็มีแค่คนในครอบครัวเท่านั้นที่เขาอยากอยู่ด้วย ที่เขารัก ที่เขาห่วง ที่เขาอยากมีความสุด ก่อนที่จะหมดเวลา..
(มันคือสัจธรรมของชีวิต)

        วันก่อนเขียนเรื่องการ management ต่างๆวันนี้เรามาต่อกันดีกว่า เขาบอกว่าคนที่ประสบความสำเร็จทุกคนคือคนที่บริหารเวลาเก่ง แล้วเราจะบริหารเวลาเก่งได้อย่างไร? นั่นคือสิ่งสำคัญ เราทุกคนมีเวลาเท่ากันคือ 24 ชม. คนที่เขาเก่ง อย่างอับราฮัม ลินคอน องค์ดาไลลามะ หรือคนดังๆทั่วโลกเขาก็มีเวลาเท่ากับเราคือ 24 ชม. เจาไม่ได้มีประตูวิเศษที่เข้าไปทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แล้วเอาออกมาโชว์ให้โลกดู ความจริงคือเราทุกคนมีเวลาในแต่ละวันเท่ากัน แต่เราใช้ได้ไม่เหมือนกัน เราทุกคนรู้ว่าเราต้องพัฒนาตัวเอง เราทุกคนรู้ว่าเราต้องรักษาสุขภาพ เราทุกคนรู้แต่ไม่ทำ หลากหลายคำพูดยอดฮิตของการอ้างการไม่ทำคือบอกว่า "ไม่มีเวลา" มีตลกยอดฮิตอันนึงสำหรับคนทำงาน เขาพูดว่า 
"ทำไมคุณไม่มีเวลา"
"ผมทำงาน"
"ทำไปแล้วได้อะไร"
"เงิน"
"แล้วไหนเงิน"
"...."
ผมเชื่อว่าคนเรามีเวลาอาบน้ำ แปรงฟัน ทานข้าว ถ้าคนเรามีเวลาอาบน้ำแปรงฟันทานข้าวผมว่าเรามีเวลาทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เสมอ แค่เห็นว่าสิ่งๆนั้นมันสำคัญกับเรา เหมือนกับที่เห็นว่า การอาบน้ำ แปรงฟัน ทานข้าวเป็นสิ่งสำคัญ 

        เราเอาแต่จะจัดเวลา แต่เราจะจัดเวลาให้ดีไม่ได้เลยถ้าเราไม่รู้จักจัดความสำคัญ เราต้องรู้ตัวเองก่อนว่าอะไรคือสิ่งสำคัญในชีวิตแล้วเดี๊ยวเวลามันมาเอง

        สำหรับผมผมแบ่งสิ่งที่สำคัญในชีวิตเป็น 5 ด้าน คือ 
1 การเรียน Ph.D.
2 การนอนและสุขภาพ
3 ครอบครัว
4 การเทรด
5 การพัฒนาตนเอง

ขอพูดถึงการเรียน Ph.D. ก่อน วันนึงผมจะแบ่งเป็น 3-3-3 คือ Coursework 3 hr. , ทบทวน Coursework 3 hr. , Project 3 hr. โดยปกติวันนึงเรียนไม่เกิน 3 ชม. อยู่แล้วมีวันที่ไม่เรียน 3 วัน คือ พฤ. ส. อา. ก็จะแบ่ง เสาร์ อาทิตย์ไว้เดินทาง + ทานข้าวกะครอบครัว นี่คือส่วนแรกใช้เวลา 9 ชม./วัน

การนอนและสุขภาพ โดยใข้เวลานอนวันละ 6-8 ชม. 

ครอบครัว คือ ถ้าปกติจะกินข้าวด้วนกันอาทิตย์ละครั้ง คือ เย็นวันเสาร์ คุยโทรศัพท์ช่วงว่างๆ 10-15 นาที

การเทรด ปกติจะใช้เวลาว่างเล็กๆแอบส่องตลาดอยู่ตลอดแต่การ analyse วันละ 1 ชม. และ อ่านหนังสือ/ฟัง,ดู คลิปเกี่ยวกับการลงทุนอีกวันละ 1 ชม. กับส่วนนี้จะใช้เวลา 2 ชม./วัน

การพัฒนาตัวเอง แบ่งเป็นอ่านหนังสือ (ที่ไม่เกี่ยวกับการเรียน เช่น เศรษศาสตร์ ปรัชญา ประวัติศาสตร์ เรื่องเล่าเรื่องแต่ง(aday เป็นต้น) ศาสนา สุขภาพนิดๆหน่อยๆ 1 ชม. ต่อมาคือส่วนของการออกกำลังกาย 30-40 นาที ตีไป 1 ชม. (บางวันฟิตเนส แต่ส่วนใหญ่เป็นวิ่ง) คนทั่วไปอาจไม่รู้ว่าการออกกำลังการทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆดีขึ้น การวิ่งเบาๆ 30 นาทีขึ้นไปช่วยให้ O2 ไปเลี้ยงสมองได้ดีกว่าเดิม ช่วยให้ประสิทธิภาพของสมองเพิ่มขึ้น (ความจริงว่ายน้ำดีสุด แต่ว่ายไม่เป็นไง) แถมการฝึกออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องช่วยให้นิสัยด้านประสบความสำเร็จสูงขึ้นด้วย ส่วนสุดท้าย คือ การนั่งสมาธิ อีก 1 ชม. ส่วนนี่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำกิจกรรมต่างๆ มากจริงๆ อาทิตย์เดียวรู้เรื่องเลย (แบบถูกต้องนะ) อยากยิ่งใหญ่ต้องพัฒนาจากข้างใน (ไม่เชื่อไปดูการ์ตูนญี่ปุ่นหลายๆเรื่องไป เช่น การฝึกฮาคิของลูฟี่ การฝึกหน้ากากของบลีช) รวมส่วนนี้ใช้เวลา 3 ชม./วัน

ต่อมาคือส่วนอื่นๆ ไร้สาระ กินข้าว เป็นต้น เวลาซ่อนเล้นก็มาจากส่วนนี้นี่เอง...


อันนี้ตัวอย่าง chart สัดส่วนการแบ่งเวลาของสิ่งสำคัญในชีวิตประจำวันครับ

อย่าลืมนะครับ จัดความสำคัญก่อนค่อยจัดเวลา





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น