วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2558

สอน Numer Heat

วันพุธ 30 ก.ย. 2558

ตอนนี้เที่ยงคือ 19 นาที เป็นวันที่ทำผิดกฏเหล็กของตัวเอง พรุ่งนี้ต้องมีการลงโทษกันสักเล็กน้อย เพื่อความศักดิ์สิทธิ์ของกฏที่อุตส่าตั้งขึ้นมาเอง วันนี้อาจารย์ให้สอนแทนอาจารย์ 1 คาบ เพราะอาจารย์ติดประชุม ถือวย่าเป็นโอกาสไม่เลยสำหรับความฝันที่อยากเป็นอาจารย์รู้สึกว่าน่าจะเตรียมอะไรให้ดีกว่านี้ นี่ไปสอนแบบลวกๆมาก แต่ข้อดีคือได้บรรยากาสที่เป็นกันเอง โดยรวมถือว่าโอเค

ตลาดวันนี้แกว่งตัวในกรอบสามเหลี่ยมเล็กๆ แต่ยังปิดบวกได้แต่ sentiment โดยรวมยังไม่ดีนัก วันนี้มีหุ้นเข้าระบบอยู่หลายตัว อย่าง TIPCO ANAN STAR แต่เหลือกระสุนสองนัดแสดงว่าต้องเลือกสักตัวใช่ไหม?

รู้สึกว่าเข้าช่วงสอบแล้วต้องจริงจังกับการอ่านหนังสือให้มากกว่านี้ (ตอนนี้ยังอ่านน้อยมาก) ต้องมีเป้าหมายเป็นจริงเป็นจังละ

ตัวแรกที่จะเก็บ คือ การบ้าน Advance Math.

ตัวต่อมา คือ วิชา Advance Heat

สุดท้ายคือวิชา Advance math

จากนั้นต้องเริ่มรีวิว paper แล้ว

บ๊ะบาย กาแฟสำหรับพรุ่งนี้

วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2558

stop 2 ไม้แรกของ Track ใหม่

วันอังคารที่ 29 ก.ย. 2558

วันนี้กิจกรรมส่วนใหญ่ก็เป็นไปค่อนข้าง smooth เริ่มจากการประชุมช่วงเช้า ปั่นการบ้านในช่วงเที่ยง เรียนในช่วงบ่าย มานั่งทำการบ้าน numerical heat ในช่วงเย็น ส่วนช่วงหัวค่ำเป็นการพักผ่อน ถือว่าดีในระดับที่ไม่น่าพอใจ เวลาหมดอีกแล้วต้องวางหมากให้ดีกว่านี้หน่อย

ตลาดวันนี้ค่อนข้างสับขาหลอกพอสมควร เริ่มจาเปิด gap คนมองว่าไป 1320 เพื่อปิด gap แน่นอนแต่กลับเด้งใสหน้าเกือบเป็น 10 จุดแล้วกดตอนช่วง 4 โมงไปปิดแดง ถือว่าเทคนิคแพรวพราวตอนนี้คิดว่าพรุ่งนี้ช่วงสายน่าจะมีการเลือกทิศทางที่ชัดเจนขึ้น 

วันนะ stop ไป 2 นัด เสียหายไป เกือย 1% ของพอต ก็โอเค แล้วเก็บเพิ่มมา 1 ตัว ส่วนตัวที่ไม่ทำตามระบบมีอีก 1 ตัว น่าสนใจว่า ราคาของความดันทะลุลังจะมีค่าเท่าไร

วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2558

จุดตกต่ำทางคณิตศาสตร์

วันจันทร์ 28 ก.ย. 2558

วันที่ผลงานทางคณิตศาสตร์ตกต่ำถึงขีดสุด ได้คะแนนการบ้าน 14 / 30 คือ เรามาถึงจุดๆนี้ได้อย่างไร วันนี้ใช้พลังส่วนใหญ่ไปกับการเรียน math แล้วก็สะสม record ใหม่ ตลาดฉลองด้วยการ กดไป -24 จุด ปิดที่ 1352 ถือว่ามองจากภาพรวมไม่ค่อยโอเคมากๆ แล้วยิ่งมี gap ที่ 1320 wait & see

วันนี้ต้องยก case study ว่า อย่าฉลาดกว่ากราฟ อย่า buy ก่อน break high



 วันนี้อ่านหนังสือไปนิดหน่อย ทั้ง trade ทั้งเรียน Goodnight

วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2558

ประกาศกฏอัยการศึก

วันอาทิตย์ที่ 27 ก.ย. 2558

วันนี้เป็นวันที่เริ่มคิดว่าตัวเองใช้เวลาได้ไม่ค่อยคุ้มค่าคิดไปคิดมา เลยอลแอฟ FB และ Twitter ในมือถือทิ้งโดยสัญญากับตัวเองว่าอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าค่อยโหลดมาเล่นใหม่


เราก็รู้ว่าการนอนดึกมันไม่ดี เลยคิดกดเหล็กขึ้นมา 3 ข้อเพื่อเป็นประโยชน์กับตัวเองทั้งนั้น ต้องทำให้ได้ นี่ 23:58 แล้ว งั้นขอตัวไปนอนก่อนนะ ราตรีสวัสดิ์ครับ

วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2558

D.I.Y Trader ณ ตลาดหลักทัพย์

เสาร์ที่ 26 ก.ย. 2558

วันนี้เป็นอีกวันที่ตื่นไม่ตรงตามที่คิดไว้อีกตามเคยแต่ก็ถือว่าเร็วกว่าการตื่นในช่วงวันเสาร์ปกติประมาณหนึ่ง การตื่นไม่ตรงส่งผลให้แผนที่วางไว้ 2 อย่างก่อนออกไปงานสัมนาที่ตลาดหลักทรัพย์ทำได้แค่เพียง 1 อย่างเท่านั้น คือ อ่านหนังสือ "บันทึกลับเซียนหุ้น" ต่อจากเมื่อวานน่าจะอ่านไป 40 หน้าเห็นจะได้ ส่วนการทำการบ้านวิชา Advance Math คงต้องยกยอดไปพรุ่งนี้

การมางานสัมนา D.I.Y Trader พึ่งรู้ทีหลังว่าจัดโดย SBI เป็น Broker หน้าใหม่จากญี่ปุ่นที่มีจุดเด่นเรื่องค่าคอมมาตีตลาดในไทย โดยนำนักลงทุนชั้นเซียนมาเล่าถึงประสบการณ์การลงทุนสามท่าน คือ คนแรกพี่ฝา หน้าจะอายุ 26-27 พอตน่าจะประมณเกือ 9 หลัก มาเปิดตัวที่นี่เป็นที่แรก คนต่อมาพี่พีร์ wizard kid trader คนนี้ติดตามผลงานมานานไม่ต้องพูดอะไรมากอยู่แล้ว คนสุดท้ายเป็นแรงบันดาลใจให้มางานนี้โดยเฉพาะคือพี่มดแห่งแมงเม่าคลับ ...

งานสัมนาก็ดำเนินไป ทุกคนก็สารธยายว่าเข้าตลาดมาได้ไง อะไรคือความผิดพลาดครั้งสำคัญ ทุกคนฝื้นมาได้ไง และอะไรคือหัวใจของการอยู่รอดในตลาดมาได้ขนาดนี้

สิ่งที่ตรึงตาตรึงใจสำหรับผมวันนี้คงเป็นเรื่องที่อยู่แล้วแต่คิดไม่ถึง คือ เรื่องของการผิดพลาดซ้ำๆของกลยุทธ์ พี่มดพูดทำนองว่า ผมเคยเทรดผิดติดกัน 13 ไม้ แต่ผมไปอ่านเจอ Turtle Trader เขาเทรดผิดติดต่ากัน 30 กว่าไม้ ของผมยังไม่ถึงครึ่งเทรดต่อ

เห่ย เราทุกคนรู้ว่าทุกกลยุทธิ์ในการเทรดมันต้องมีความผิดพลาด และความผิดพลาดก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติแต่เวลาเทรดผิดติดๆกันสัก 5-6 ไม้ใจมันเริ่มเสีย มันเริ่มใช้กลยุทธ์ใหม่ละทั้งที่เรายังไม่ได้ลิ้มลอง Texture ที่แท้จริงของ Strategy เลย เราก็เปลี่ยนสะแล้ว ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองเด็กมาก Rookie ชัดๆ เหมือนเด็กที่พึ่งหัดทำอะไรได้แป๊บนึงแล้วเจออะไรยากหน่อยก็บอกว่าวิธีนี้ไม่ได้ผลเปลี่นดีกว่า พออีกวิธีก็บ่นแบบเดิมอีก คงต้องจริงๆจังๆกับการใช้สักกลยุทธ์ในการเทรดแล้วไม่งั้นใช้ไปมาจะบินก็บินไม่เก่ง จะวิ่งก็ไม่ถนัด จะว่ายน้ำก็ไม่คล่อง ต้องเลือกสักอย่างแล้วค่อยต่อยอดเอา "เลือก Break Rsi Strategy" โดยจะเก็บ Record ให้ครับ 100 point โดยนับไม้ละ 1 point แล้วมาดูกันว่าสุดท้ายระบบนี้จะออกมาเป็นยังไง สิ้นปีน่าจะรู้ผลแล้ว

"เมื่อเราคั้นข้อมูลจนถึงที่สุดแล้ว ข้อมูลจะยอมสารภาพว่ามันเคยทำอะไรผิดมา" มดแมงเม่าคลับ

วันนี้ระหว่างเดินทางกลับได้นึกอะไรดีๆขึ้นแล้วเขียนลงใน storylog ของผมเองข้างในเขียนไว้ว่า

"ถ้าผมถามว่าอาหารดีๆสักมื้อคุณให้ราคาเท่าไหร่

500 ฿ 1,000 ฿ หรือ 10,000 ฿ แล้วแต่คน

ถ้าผมถามต่อว่าความสำเร็จของคุณมีราคาเท่าไร 

และก่อนที่เราจะมาให้ราคากันผมมีสำคัญที่ต้องบอกคุณก่อน

ผมเชื่อว่าทุกคนเคยประสบความสำเร็จผมเชื่อว่าการประสบความสำเร็จมีรูปแบบที่หลากหลาย และผมยังเชื่ออีกว่าทุกๆความสำเร็จมันมีคุณค่าเสมอ

สำหรับบางคนการมีเงินในธนาคารเยอะๆคือความสำเร็จ

แต่สำหรับบางคนการกลับบ้านเพื่อไปทานข้าวกับครอบครัวคือความสำเร็จ

สำหรับบางคนการสอบได้คือความสำเร็จ

ในขณะที่บางคนการสอบผ่านคือความสำเร็จ

สำหรับบางคนการที่พบปะสังสรรค์กับผู้คนคือความสำเร็จ

แต่สำหรับบางคนการที่ได้อยู่คนเดียวเงียบๆคือความสำเร็จ

สำหรับผมความสำเร็จมีหลายรูปแบบ และมีมากเท่าที่เราจะจินตนาการได้

และขึ้นชื่อว่าความสำเร็จมันก็มักจะมีคุณค่าเสมอ

แต่เป็นคุณค่าที่แต่ละคนให้ราคาไม่เท่ากัน

สำหรับบางคนอาจจะให้ค่าของการกลับไปทานข้าวกับครอบครัวมากกว่าการไปสังสรรค์ ในขณะที่บางคนอาจจะไม่ใช่

บางคนอาจให้ค่าของการสอบผ่านมากกว่าการสอบได้ ในขณะที่บางคนอาจจะไม่ใช่

เรามักให้คุณค่าของการกระทำ คำพูด สิ่งของ หรือเหตุการณ์ต่างๆไม่เท่ากันเสมอ

ดังนั้นอย่าปล่อยให้ใครเอาอะไรก็ตาม (ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการหระทำ) มา ขูด ขีด ความสำเร็จของคุณให้เป็นลอย

ถ้าความสำเร็จของคุณไม่ทำร้ายใคร และยังให้ความสุขกับคุณได้

Respect your heart and Keep going 

เพราะความสำเร็จมีค่าเสมอ..."

ราตรีสวัสดิ์

วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2558

ทำ KPI of Activity

วันศุกร์ 25 ก.ย. 2558

วันนี้กิจกรรมหลักคือการดีไซน์ KPI ของ activity ในชีวิตประจำวันเพราะ KPI อันเก่า scale มันใหญ่วัดแบบผลขนาดใหญ่อย่างเช่น วัดความก้าวหน้าของวิชาหนึ่งๆ ความก้าวหน้าจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่ออ่านจบบทแล้วแบบบางวันอ่านไม่จบบทมันไม่มีความก้าวหน้า กับวันที่ไม่อ่านก็ไม่มีความก้าวหน้า คือ การวัดผลหัวใจสำคัญมันต้องเห็นผลทั้งผู้ถูกวัดและผู้วัดเพื่อที่จะได้พัฒนาไปพร้อมๆกันได้ พอซอย scale มากขึ้นคิดว่าน่าจะได้อะไรจากการวัดมายิ่งขึ้น เก่งขึ้นนั่นเอง

ตลาดวันนี้แกว่งจากลบช่วงเช้ามาปิดในแดนบวกตั้งแต่เที่ยงๆจนปิดวันถือว่าโอเค เข้าสะสม SCC ตามที่วางแผนไว้พอดีที่นี้ก็คอยอย่างเดียวว่าเมื่อไหร่มันจะมา คือ หมายถึงขึ้นมาก็รวยแต่ถ้าลงมาก็คัทนะครับ 

วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2558

สัมนา GT wealth

วันพฤหัสบดี 24 ก.ย. 2558

เผลอแป๊บเดียวก็เสร็จสิ้นสัปดาห์แล้วรู้สึกว่ายังไม่ค่อยได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย

วันนี้เริ่มต้นวันด้วยการไปเรียนแอดวานซ์เเมทจากนั้นก็มีไปเรียนเกี่ยวกับฟิวเจอร์ที่ตลาดหลักทรัพย์เรียนตั้งแต่ 6 โมงเย็นจนถึง 2 ทุ่มครึ่ง เป็นการวิเคราะห์ภาพรวมของ Global macro economic + technical analysis ถือว่าเป็นพื้นฐานที่ดีต่อด้วยการแนะนำ Product ต่าง เช่น Set50index , usd , gold ถือว่าได้ความรุ้ดี

วันนี้ทำการฮาราคิรีตัวเองโดยการขาย Set50 ที่ call มา เจ๊บพอตัวเลย รู้สึกเหมือนทุกครั้งที่ overtrade จะโดนตลาดตบทุกรอบ แม่ง เหมือน มอนิเตอร์ position ไว้เลย วันนี้มี event หนึ่งที่น่าสนใจมากคือ SCC




อันนี้ panic pattern ของจริง พรุ่งนี้เจอกันเลย

วันนี้ NUSA น่ารักร้อนแรงจริงๆ เบรคด้วย Buy ไปดิ

Risk of Port ลดลงมาเหลือ 4.76 ถือว่าโอเคขึ้นเยอะเลย


วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2558

ข้อมูลพลังงานในประเทศไทย

วันพุธ 23 ก.ย. 2558

ขอเริ่มจากการตอบคำถามเกี่ยวกับสถานการณ์พลังงานของไทยก่อนดีกว่า

1) ไทยมีก๊าซธรรมชาติเยอะทำไมต้องนำเข้า

ตอบ   ความจริงคนไทยใช้ก๊าซธรรมชาติมากกว่าที่ผลิตได้เอง จากข้อมูลปี 2556 ประเทศไทยมีปริมาณสำรองของก๊าซธรรชาติที่พิสูจน์แล้ว ประมาณ 10 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต คิดเป็น 0.15% ของโลก ถือว่าไม่มากจัดอยู่ที่ 40 ของโลก และผลิตได้วันละ 4,000 ล้านลูกบาศก์ฟุต (อันดับที่ 22 ของโลก) แต่กลับใช้มากกว่าที่ผลิตได้ คือใช้วันละ 5,000 ล้านลูกบาศก์ฟุต (อันดับที่ 15 ของโลก) ทำให้ต้องนำเข้า LNG และ LPG รวมถึงก๊าซธรรมชาติจากเมียนมาร์คิดเป็นมูลค่า 147,000 ล้านบาท

2) พลังงานจะเหลือใช้อีก 7 ปี ทำให้คนกลัวไปทำไม?

ตอบ   ปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ค้นพบและพิสูจน์แล้วมีให้ใช้อีกแค่ 7 ปี ถ้าผลิตได้เท่าเดิมและไม่ลงทุนสำรวจหาแหล่งพลังงานเพิ่ทเติม คิดจากปริมาณสำรองที่มีการพิสูจน์แล้วว่ามีความมั่นใจ 90% (ประมาณ 8.4 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต) หารด้วยปริมาณที่ผลิตได้ต่อปี (1.2 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต) ผลลัพธ์คือประมาณ 7 ปี ซึ่งการสำรวจและขุดเจาะรวมถึงการที่จะนำมาใช้ได้ต้องใช้เวลาเป็น 10 ปี ดังนั้นต้องรีบสำรวจหาแหล่งเพิ่มเติมก่อนที่จะเจอปัญหาพลังงาน

3) ที่บอกว่าไทยมีน้ำมันน้อย แล้วทำไมยังส่งออกทั้งน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป

ตอบ   ไทยส่งออกน้ำมันดิบเพียง 5% เท่านั้นเพราะคุณภาพของน้ำมันไม่เหมาะกับโรงกลั่นของไทย ถ้าฝืนกลั่นไปจะไม่คุ้มค่าความเสียหาย จากข้อมูลไทยผลิตน้ำมันได้เอง 149,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งส่งออก 26,000 บาร์เรลต่อวัน เนื่องจากเป็นน้ำมันดิบที่คุณภาพไม่เหมาะสม ไทยส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป เพราะน้ำมันดิบจะได้น้ำมันสำเร็จรูปหลายชนิดแต่บางชนิดใช้ไม่หมดจึงต้องส่งออก

4) จริงเหรอ เมืองไทยมีน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมากมายเหมือนซาอุฯ

ตอบ   ไทยมีน้ำมันเป็นอันดับที่ 48 ของโลก (0.03%ของโลก) ซึ่งซาอุฯมีมากกว่าไทย 500 เท่า
ซาอุฯมีก๊าซธรรมชาติมากกว่าไทยถึง 29 เท่า มากเป็นที่ 5 ของโลก ส่วนไทยที่ 40 ของโลก
ทำให้ต้องนำเข้าพลังงานกว่าปี 1.4 ล้านล้านบาท

5) เมือไทยเจาะตรงไหนก็เจอน้ำมัน

ตอบ   เมืองไทยเจาะหลุมสำรวจน้ำมัน 10 หลุม มีโอกาศเจอแค่ 1 หลุม

6) ประเทศมาเลเซียมีน้ำมันตั้งเยอะประเทศเราอยู่ติดกับเขา สภาพภูมิประเทศเหมือนกันแล้วยังจะอ้างว่าไม่มีแหล่งน้ำมันอีกเหรอ

ตอบ   เรากับมาเลเซียมีสภาพทางธรณีวิทยาต่างกันมากจึงพบบ่อน้ำมันในมาเลเซียมากกว่าไทย ขนาดลาวที่อยู่ติดกับไทยก็ไม่พบบ่อน้ำมันเลย

7) คนไทยซื้อน้ำมันและก๊าซราคาแพงกว่าหลายประเทศ

ตอบ   ต้นทุนน้ำมันใกล้เคียงกันส่วนใหญ่ต่างที่ภาษีและกองทุนน้ำมัน อย่างราคาเบนซิน 95
สิงคโปร ราคาหน้าโรงกลั่น 37.57 บาท เก็บภาษี&กองทุนน้ำมัน 17.68 บาท ราคาขายปลีก 55.25 บาท
ไทย ราคาหน้าโรงกลั่น 25.77 บาท เก็บภาษี&กองทุนน้ำมัน 19.09 บาท ราคาขายปลีก 44.86 บาท
มาเลเซีย ราคาหน้าโรงกลั่น 25.70 บาท รัฐจ่ายให้อีก 5.48 บาท ราคาขายปลีก 19.82 บาท
ข้อมูล พฤษภาคม 2557 เป็นต้น

8) การขึ้นราคา LPG มีแต่เดือดร้อนกันหมด

ตอบ ปัจจุบันราคา LPG ของเราขายราคาต่ำกว่าราคาตลาดโลกมาก กองทุนน้ำมันแบกภาระชดเชยราคา LPG รวมแล้วทะลุ 1.43 แสนล้าน ตั้งแต่ 2551 ถึง ก.พ. 2557 ซึ่งจากที่เราขายในราคาถูกและตลาดที่อื่นราคาแพงทำให้ LPG ถูกลักรอบไปขายต่างประเทศ อย่างกัมพูชาขายที่ 43.14 Baht/kg ลาวขายที่ 43.14 Baht/kg พม่าขายที่ 46.9 Baht/kg และอย่างเวียดนามขายที่ 53.10 Baht/kg ยิ่งเปิด AEC จะเป็นการถลุงเงินในกระเป๋ารัฐบาลดีๆนี่เอง

นี่คือตัวอย่างคำถามส่วนข้อมูลเชิงลึกของ ปตท.สผ. เอาไว้พูดวันหลังเนอะง่วงมาก

วันนี้ Set ปิดที่ 1375.14 ค่อนข้างมันดูจากรูป
ทำตัวเหมือน pin bar แล้วเกิดตรงแนวรับพอดี น่าสนใจมาก Bias ขาขึ้นเลยนะเนี่ย 


แต่ดูจากกำลังของวันนี้ (ตำแหน่งที่ 2) น้อยกว่าตำแหน่งที่ 1 เยอะพอดู แสดงว่ามีความเสี่ยงค่อนข้างๆสูงแต่ก็เปิด Position ไปจนได้ 

Risk of Port 9.5% เพราะ position ของ set50 dw แท้ๆเลย พรุ่งนี้รู้กัน 555


วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2558

แรง Drive จากภายนอก | ดูธุรกิจของ ปตท. สผ. | Freelance ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ

วันอังคาร 22 ก.ย. 2558

วันนี้ต้องตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้าน่าจะเช้าสุดในรอบสองสามอาทิตย์เห็นจะได้เพื่อไปฟังสัมมนา "ทำความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจของ ปตท สผ." ไว้พรุ่งจะมาเล่าว่าได้อะไรมาบ้านนะครับ (พรุ่งนี้จะพยามอัพเรื่องนี้แต่เช้านะ) เริ่มงาน 8:30-12:00 

วันนี้เหมือนเป็นว่าจะเป็นวันว่างเพราะงานสัมนาเลิก 11 โมงกว่าๆ ตอนแรกกะว่าจะไปเรียนแต่ตอนเย็นมีนัดทานข้าวกะแฟนคิดไปคิดมาค่ารถไปกลับไม่คุ้มกับการลงทุนสักเท่าไรเลยขอโดดเรียนรอแล้วกัน โดยเอาหนังสือ "The New Market Wizard" เล่ม 1 ที่แปล นานิ ของค่าย S2M 

เวลาก็ว่างหนังสือก็มีจะหาที่รอที่ไหนดี ในที่สุดก็เลือก S2M Cafe'  Silom Complex ชั้น 19 ตอนไปตอนแรกมันประมาณเที่ยงๆคนก็ไม่ค่อยมี แถมอยู่ๆมือถือ (ที่ย้ายค่ายจาก AIS ไป TRUE) ก็ใช้งานไม่ได้เพราะการดำเนินงานย้ายค่ายระบบของ TRUE ขัดข้องนิดหน่อย เลยถือไปโชคดีที่ไม่ต้องดูหุ้นให้เสียสมาธิแถมได้อ่านหนังสือยาว ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าที่นี่เป็นแรงรวมไอเดียในการทำธุรกิจชั้นยอด ใส่หูฟังแต่แอบฟังมันดีอย่างนี้นี่เอง ขนาดได้ยินครบบ้างไม่ครบบ้างยัง Inspire ขนาดนี้ถ้าอ่านจริงๆจะขนาดไหน 

ระหว่างนั่งรอการย้ายค่ายก็เขียนเรื่องๆหนึ่งบนสมุด แล้วพอย้ายค่ายเสร็จก็เอาจากที่ร่างในสมุดมาลง Stoylog เห่ย การเขียนสองรอบมัน Powerful มากพึ่งรู้ถ้อยคำมันแตกต่างอย่างกับอันแรกแต่คงเหนือนหาไว้ตัดคำเวิ้นออกไปเยอะพอตัวแล้วก็ได้เป็นแบบนี้ เราเขียน Diary ไปทำไม 

วันนี้รู้สึกว่าการได้ปล่อยตัวเองออกจากกรอบ การได้ออกมาดูหนังไม่ต้องจมอยู่กับงานเพียงอย่างเดียว แม่ง เป็นการ Drive ตัวเองที่ดีมาก บางครั้งถ้าเรารู้สึกว่าแรง Drive ตัวเองจากภายในมันค่อยๆเบาลงไม่แรงเหมือนเก่า คงถึงเวลาที่เราอาจจะต้องออกมาข้างนอกให้บรรยากาศรอบตัวช่วย Drive ก็เป็นความคิดที่ไม่เลว วันนี้ได้อะไรหลายอย่างจากการออกมาชิวๆ ทำชีวิตเหมือน Slow life บ้าง เพราะ ความสนุกของการใช้ชีวิตคือการ Balance ทั้ง Fast life & Slow life ให้สอดคล้องกัน 

ปล.วันนี้ได้มีโอกาสไปดู Freelance มา เห่ย สุดยอดอะ คืนนี้ขอร่างก่อนนะแล้วเดี๊ยวพรุ่งนี้มาดูกันว่าคนอย่างจ๊อบเมื่อไปดูหนังได้อะไรมาบ้าง 

ตลาดวันนี้ดูไม่ค่อยดีนะจากรูปแบบของดัชนีล้วนๆเลย


ถ้าไม่หลุด 1377 จะสวยมากแต่ดูจากรอบๆตัวแล้วคิดว่าน่าจะหลุด แต่จุดที่ระวังจริงๆคือ 1368 ถ้าหลุดแสดงว่าสมมติฐานเกี่ยวกับตลาดที่วิเคราะห์ Bias ขาขึ้น ก็จะพลาดทั้งหมดต้องออกทุก Position อันนี้เรื่องใหญ่แน่.... แต่คิดว่าถ้าตลาดแย่ๆแบบนี้เหมือนจะดันเกมให้ ยุโรป ทำ QE เพิ่มแฮะ ลุ้นกันต่อไป ถ้าลุ้นไม่มันแนะนำ MEU กองทุนยูโรของ MBKET ไป bet สัก 1000 หน่วยจะลุ้นสนุกขึ้นเยอะ 555 

Risk of Port  ขึ้นมาอยู่ที่ 3.76  วันนี้ดื้อต้องขาย Arip ที่ 1.05 (ตามแผน ทุน 1.08) แต่ดันดื้อคิดว่าแค่มันลงมาเพราะไม่มีสภาพคล่องเฉยๆ แบบตบหลอกไรงี้ สุดท้ายได้ขายที่ 1.02 (low) ต้องหาวิธีลงโทษตัวเองแล้ว เอาเป็นงดกาแฟวันนั้นดีไหม (คือกาแฟสำหรับเราแม่เรื่องใหญ่มากไง) เอาวะเป็นไงเป็นกัน Gn


วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2558

หัดเล่าเรื่องที่ Storylog

วันจันทร์ 21 ก.ย. 2558

วันนี้ร่างกาย burn energy ไปพอสมควรเลยเป็นผลต่อเนื่องจากการทำการบ้านเมื่อคืน และส่งผลต่อไปทำให้ตื่นสายไม่ได้ไปเรียนคาบเช้า แต่ก็ถือว่าโชคดีที่เรื่องวันนี้ไม่ค่อยยาก

วันนี้กลับมาห้องเร็วกว่าปกติเพราะว่าอาจารย์ไม่สอน (อีกแล้ว) เพราะคอมเปิดไม่ติด เลยมานั่งดูนั่นดูนี่ เจอกับ storylog เป็นอีกรูปแบบของบล็อกที่น่าสนใจเหมาะสำหรับคนชอบเล่าเรื่องเขียนเรื่องอย่างมาก ถ้าถามว่าจะย้ายจาก blogger ไปไหมในเร็วๆนี้คงยังเนื่องจากข้อจำกัดหลายๆอย่างของเขามันไม่สะดวกเช่น การใส่ภาพหลายๆภาพไม่ได้ เป็นต้น แต่ว่าข้อจำกัดนี๊มันทำให้ storylog มีเอกลักษณ์ เหมือนเป็นสถานที่เล่าเรื่องขนาดใหญ่ให้คนได้เข้าไปเล่าเรื่องราวในนั้นกัน แถมคนไทยยังเป็นคนคิดอีกต้องสนับสนุนหน่อยแล้ว

การเขียนเรื่องราวในนี้จะเน้นแนวชีวิตประจำวัน บ่นนี่ บ่นนู่นไปเรื่อย ส่วนใน storylog จะเน้นเป็นเรื่องราว พยามจะเขียนออกมาอาทิตย์ละครั้ง ส่วนในเรื่องของการลงทุนกับการเรียนน่าจะวนเวียนแถวที่นี่ แต่ที่ storylog จะเป็นมุมมองอีกมุมหนึ่งที่มองสิ่งรอบๆตัวว่าเราเห็นอะไรมา แล้วเราตีความอย่างไรบ้าง

เวลาที่เราคิดจะทำอะไรมันมักจะมีคนกลุ่มหนึ่งคิดเหมือนกันเสมอ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ดีนะ แต่ในบางโอกาสก็ไม่ใช่ อย่างลงทุนทำการบ้านวาง zone อย่างดี จะ swap จากหุ้นตัวหนึ่งที่พึ่งขายมาเข้า NUSA ใครแม่งดันลากซะได้


ตลาดวันนิ่งไม่ค่อยมีเรื่องตื่นเต้นอะไร ความเสี่ยงของพอต BETA ลดลงมาอยู่ที่


ตอนนี้ลดพอต (beta) ลงมาเหลือ 4 ตัว วันนี้ใช้เวลาไปกับการฟังคลิปด้านจิตวิทยา + ตีแบตเล็กๆน้อยๆ

วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2558

เป้าหมาย ที่ไม่สำคัญ

วันอาทิตย์ 20 ก.ย. 2558

        ผมเริ่มต้นวันแรกของสัปดาห์ด้วยการนอนดึก ซึ่งนอนด้วยความจำเป็นอย่างยิ่งเพราะว่าการบ้านวิชา Advance Math มีกำหนดส่งพรุ่งนี้ ซึ่งมันก็เป็นแรงขับเคลื่อนชั้นดีให้กับผมเร่งมันจนเสณ็จตอน ตี 3 นิดๆ ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมวันนี้เขียนช้า แล้วนับวันการบ้านยิ่งมากเข้าๆ แถมยากอีกตั้งหาก แต่จะทำไงได้ในเมื่อดัน Bet วิชานี้กะรุ่นพี่ที่คณะด้วยปลาเผาไปแล้ว ต้องขยันมากๆหน่อย 

        ตอนเด็ก ๆ ผมมีความเชื่ออย่างนึงเสมอว่า  "คนเราถูกขับเคลื่อนด้วยด้วยความฝัน ด้วยเป้าหมาย เมื่อเราฝันไว้ยิ่งใหญ่เราก็จะมีแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ผลักดันให้เราเดินไป"  พอโตขึ้นมาผมกลับพบว่าเป้าหมายนั้นเป็นสิ่งสำคัญ  เป็นสิ่งที่ต้องมี  แต่ไม่ใช่สิ่งที่ต้องยึด  

        ผมว่าผมเป็นคนหนึ่งที่คลั่งไคล้การตั้งเป้าหมายมาก เวลาผมพิชิตมัน ผมรู้สึกถึงความสุขที่ถูกเติมเต็มในใจ  ผมแทบจะตั้งทุก ๆ อย่างที่ผมทำ  เป็นเป้าหมายหรือเส้นชัยที่ให้ผมได้พิชิตมันเสมอ  ผมเป็นคนตั้งเป้าหมายแบบเกือบเอื้อมถึงเสมอ  แน่นอนว่าหลายๆครั้งผมมักจะเอื้อมไม่ถึง  ข้อดีที่ผมพบผมยังมีเป้าหมายอีกมากมายให้ได้พิชิต 

        เมื่อเวลาผ่านไป อะไรที่เราเคยทำ ยิ่งทำซ้ำๆมันจะตกตะกอนเป็นความรู้เสมอแม้เราจะไม่อยากให้เป็น  มีบางคำถามวนเวียนเข้ามาในหัวผมเสมอ  ทำไมหลายๆครั้งผมทำสำเร็จแล้วผมถึงรู้สึกเฉยๆ  หรือทำไมตอนที่ผมกำลังทำอะไรสักอย่างแล้วผมรู้สึกไม่มีความสุขเลย  เป้าหมายคือสิ่งที่ผมตามหาจริงๆใช่ไหม 

        มีคนได้กล่าวไว้ว่า  "คำถามที่ดีจะพาคุณไปหาคำตอบที่ใช่"  ผมเริ่มหาคำตอบว่าทำไมระหว่างทางไปเป้าหมายผมถึงไม่มีความสุข  ระหว่างพักผมก็บังเอิญสังเกตเห็น  เรื่องราวของ พี่เซ่ เด็กนอกคอก (ที่พี่เขาเรียกตัวเองนะ)  พี่เขามีความฝันที่จะเป็นนักออกแบบ  แล้วเวลาเขาพูดถึงงานของเขา  เวลาเขาทำงานทำไมแลดูเขามีความสุขจังวะ  เลยตามไปดูอีกหลายๆคนที่ Success เห่ย เวลาเขาพูดถึงสิ่งที่เขาเป็น สิ่งที่เขาทำ และเวลาที่เขาทำมันมีความสุข ดูเหมือนเขาอินไปกลับมัน ทำอย่างไรเราจะเป็นแบบนี้ได้วะ (คิดในใจ) 

       คำถามที่ถูกพาไปหาคำตอบที่ใช่เสมอ  อ่อ  เรา "โฟกัส"  ผิดที่  เราไปจับจ้องที่เป้าหมาย  ไม่ใช่ "วิธีการ" ( Process )  มันทำให้เราพลาดอะไรหลายๆอย่าง  ความจริงความสำเร็จมันวัดกันตรงนี้แหละ  เรามักจะไปจับจ้อมที่เป้าหมายมากเกินไป  เป้าหมายมันเหมือนกับประตูที่นักฟุตบอลยิงได้  ถามว่าคุณค่าของเขาเรามองที่ไหน ประตูที่ทำได้ หรือฝีเท้าของนักเตะ  เห่ย ถ้าโรนัลโด้ยิงลูกโทษไม่เข้าเราจะบอกว่าเขาไม่มีฝีมือหรือไม่มีดวง  ใช่   ผมบอก  ไม่มีดวง   จริงๆเรื่องของการทำให้ประสบความสำเร็จหรือบรรลุเป้าหมาย  ต้องยอมรับมันมีเรื่องความไม่นอนมาเกี่ยวข้องเสมอ  การที่ทำตามกระบวนการที่ใช่มันแค่เพิ่มความน่าจะเป็น  ไม่ใช่ต้องเป็นไปอย่างแน่นอน  อย่างถ้าคนนึงฝึกหนักมาก กับอีกคนไม่ฝึกเลย แต่คนหลังดันทำคะแนนดีกว่าแปลว่าคนแรกไม่มีฝีมือใช่ไหม ก็ไม่ใช่  ดังนั้นผมได้ตระหนักว่า  คุณค่าที่แท้จริงของเป้าหมายไม่ได้มีไว้แขวนความสุข แต่เป้าหมายมีหน้าที่สำคัญ  2  อย่าง คือ

1  เพื่อกระบวนการ   คือ  สมมติเราปีเป้าหมายว่าจะเป็นเชฟ เราก็เริ่มหาแล้วว่าเชฟคืออะไร เชฟเก่งๆมีใครบ้าง แล้วเขาเก่งขึ้นมาได้อย่างไร  เราจะได้กระบวนการจากตรงนั้น  นี่ความสำคัญอย่างแรกของเป้าหมาย

2  เพื่อตราจสอบกระบวนการ   คือ   ถ้าเราเกิดพลาด  การที่เราไม่ได้ตามที่หวังไว้แสดงว่าแผนของเรา (Process)  มันต้องมีอะไรผิดสักอย่างแน่ๆ หาให้เจอแล้วแก้ไขมัน นั่นคือสิ่งที่ควรทำเมื่อไม่ได้ตามเป้าหมาย  นี่คือประโยชน์อีกข้อของเป้าหมายของผม ซึ่งของคนอื่นอาจจะมีมากกว่านี้ก็ไม่ได้ว่ากัน อาจจะเอาไว้สร้างกำลังใจ ฯลฯ 

สิ่งที่สำคัญและเราควรตระหนัก คือ กระบวนการ  มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยถ้าได้ลงมือทำอะไรสักอย่างแล้วต้องไปมีความสุขปลายทางเพียงอย่างเดียว  แล้วถ้าสุดท้ายปลายทางมันไม่มีอะไรหล่ะ ถ้าสุดท้ายปลายทางมันไม่มีความสุขที่เราตามหาหล่ะ จะทำอย่างไง

        Focus in The Process สำหรับผมคือ road map ในชีวิตตอนนี้เลย เพราะอย่างแรกถ้าเราเอาแต่โฟกัสเป้าหมายเราจะหลงทาง เหมือนเราหลงป้า เป้าหมายเราคือหมู่บ้าน  ตัวที่นำทางเราคือแม่น้ำ ดาว พระอาทิตย์ ถ้าเราเอาแต่กังวลถึงหมู่บ้าน  ไม่สนใจกระบวนการไม่นานเราก็หลงทาง  .... 

        อีกตัวอย่าง คือ มีผู้ชายคนหนึ่งอยู่ด้านล่าง เขามองเห็นชายที่อยู่บนหอคอยสูง เขาคิดว่าคนนั้นต้องมีความสุขแน่ๆเลย เขาเลยหาทางปีนขึ้นไป  เขาเฝ้าหาไม้ทีละชิ้น ทีละชิ้น มาต่อเป็นบันได ผ่านไปหลายปีเขาก็ต่อเสร็จ แล้วเขาก็ปีนขึ้นไปแล้วพบว่า  "ข้างบนไม่มีอะไร มีเพียงห้องว่างๆ" 

มันไม่สำคัญเลยว่าสุดท้ายคุณจะได้อะไรมา ที่สำคัญคือเรื่องราวอะไรที่คุณผ่านมา  คุณค่าอยู่ตรงนั้น 

ปล.เวลาศิลปินเขาขายงานเขาจะค่อยๆเล่าว่าเขาคิดอะไรเห็นอะไรแล้วทำอะไรกว่าจะมาเป็นงานชิ้นนี้ เล่าที่มาให้เขาฟังแล้วคนที่ฟังจะให้ราคาเอง cr. อ.เฉลิมชัย 

วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2558

Trading Strategy 1.0

เสาร์ 19 ก.ย. 2558

        วันนี้อยากมาเล่าว่าเวลาหุ้นขึ้นควรทำอย่างไร เป็นการเปิดเผยเคล็บลับของพอต BETA ว่ามีกลยุทธ์การเทรดอย่างไร เริ่ม!!

1. Focus Product ที่สนใจ ใช้มุมมองได้หลากหลายรูปแบบ เช่น Global Marco , fundamental scan , volume analysis หรืออะไรก็แล้วแต่ ขอยกตัวอย่าง Fundamental scan นะครับ



 จาก Focus sector ICT ภาพชอบ JAS มากที่สุดเนื่องจากตลาดให้ premium น้อยสุด

2. แบ่งสัดส่วนเงินในการลงทุน คือ แบ่งมากจาก Money management  แล้วซอยเงินออกเป็นหลายๆส่วน อย่างน้อยต้องมี 2 ส่วน คนปกติเวลาซื้อหุ้นจะซื้อเต็มเพราะว่ามันถูกแบ่งส่วนมาจากกองหลักแล้วอย่างของผมที่ใช้ในการ Trading เนี่ย ผมแบ่งเป็น 5 กองหลัก สำหรับรบกับหุ้น 5 ตัว แล้วถ้าหนึ่งในนั้นคือ JAS สมมติผมใช้เงินลงทุนสำหรับพอต BETA = 500,000 บาท ผมแบ่งเงินเป็น 5 กอง กองละ 100,000 บาท

สำหรับ 100,000 บาท ผมลงทุนใน ผมแบ่งย่อยเป็น 50,000 กับ 50,000 คือถ้ายิ่งแบ่งเยอะเราสามารถดำเนินกลยุทธ์กับมันได้เยอะ ที่เลือกยกตัวอย่างการแบ่งที่สองไม้เพราะอยากให้คนที่เงินน้อยๆสามารถใช้กลยุทธ์นี้ได้โดยไม่โดนค่อคอมขั้นต่ำ ซึ่งเดี๊ยวนี้มีหลายที่ไม่มีขั้นต่ำครับ เน้นสัดส่วนเอานะครับ

3.  วางกลยุทธ์ในการเทรด อย่างถ้าผมมีสองไม้ผมจะวางกลยุทธ์ไว้ 2 กลยุทธ์ ครับ คือ trend กับ sideways โดย

-กลยุทธ์ Trend ผมจะให้ SMA ธรรมดา Run คือ เลือกค่าเฉลี่ยมา 1 เส้น (เป็นสูตรน้ำจิ้มอย่าบอกใครเพื่อที่ให้คนอื่นอ่านสัญญาณคุณยาก) ถ้าราคาเหนือเส้นผมซื้อ ตกเส้นผมขาย (ใช้ยาวนิดนึงก็ได้ครับ เพราะเรามีอีกกองกำลังหนึ่งไว้กินส่วนต่างช่วง sideways อยู่แล้ว)

-กลยุทธ์ Sideways ผมหาจุดเปลี่ยนของราคาเพื่อวาง zone การเล่น เช่น


รูปนี้มีกรอบ high - low  แล้วมีการลงมา test low อีกรอบทำให้น่าสนใจ อย่างแรก คือ ผมเลือก high low เพื่อกำหนด พื้นที่ของ zone หลักก่อน ในภาพนี้คือ A และ B


จากนั้นหา Zone กลับตัวของราคา อาจจะใช้ Bridge หรืออะไรก็ได้ หา zone ที่ราคากลับตัวมา ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนของรูปแบบราคา แล้วผมก็ลาก zone ในภาพ คือ เส้นปะที่เหนือเส้น A เล็กน้อย 1 เส้น และ ต่ำกว่า B เล็กน้อย 1 เส้น เป็นอันว่าเราได้ Zone เสร็จสมบูรณ์แล้ว

4. ดำเนินกลยุทธ์ กลยุทธ์แรกผมปรับค่า SMA ของผมให้เปลี่ยนเป็นสีส้มเมื่อค่าของค่าเฉลี่ยมีค่าเพิ่มขึ่น เช่น วันก่อนหน้ามีค่า 5.05 แล้ววันนี้ ค่าเฉลี่ยมีค่า 5.06 เส้นจะเปลี่ยนไปเป็นสีส้ม กลับกันหากนี้มีค่า 5.06 และวันพรุ่งนี้มีค่า 5.05 เส้นสีส้มจะเปลี่ยนกลับไปเป็นสี น้ำเงิน


จากภาพผมเห็นราคาพร้อมกับเส้นที่เปลี่ยนสีพอดี ผมเข้าไปสะสมไม้ที่ 1 มีสัญญาณที่ดีนิดๆตรง rsi สามารถเบรค high ได้  ผมจะ cut loss เมื่อ ราคามันตกเส้นดังนั้นในกลยุทธ์นี้ผมเข้าไปสะสมในแท่งที่ยืนเหนือเส้นได้ครบทั้งแท่งแล้วครับ เพื่อป้องกันเหวี่ยงขึ้นลงให้ซื้อๆขายๆ

จากนั้นผมก็ดำเนินกลยุทธ์ที่สองไปพร้อมๆกัน คือ ถ้าราคามาอยู่ในกรอบล่าง ระหว่างเส้นปะกับเส้น A ผมจะเข้าซื้อด้วยกลยุทธ์ที่สองทันที


จากภาพพบว่าเราเข้าซื้อด้วยกลยุทธ์ที่สองก่อนกลยุทธ์ที่ 1 ในกลยุทธ์ที่สองผมจะออกเมื่อราคาหลุดจาก เส้น A ไปได้ 2 ช่อง (ป้องกันความผันผวน)

5. รอขาย ในกลยุทธ์แรกผมจะขายเมื่อราคาตกเส้นค่าเฉลี่ยเท่านั้น ส่วนในกลยุทธ์ที่สองผมจะขายเมื่อถึง zone บน (ระหว่างเส้น B และเส้นปะ)  ซึ่งขายไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น (นักรบต้องมีวินัย) ถ้าราคาหลุด zone แรก ก็ต้องทำเหมือนเดิมโดยไปสร้าง zone ใหม่ด้านบนครับ ส่วนกลยุทธ์ที่ 1 ถ้าไม่ตกเส้นอย่าไปขยับมันครับ  อย่าง NUSA มาวาง zone ก็สวยนะครับ

ปล. ปกติผมจะมีอีกไม้นึงเอาไว้ขายตามสัญชาตญาณ (ขายเร็วมาก) เพื่อประโยชน์สางข้อ
1 บรรเทาความเคลียดจากการถือหุ้น
2 ลดค่า stop loss เวลามันหลุด
3 ฝึกสัญชาตญาณ

จอบอ

อันนี้คือสัดส่วนของ BETA นะครับ อย่าลืมว่า RETURN = CASH +  ALPHA + BETA ยังมีอีกหลายส่วนที่ยังไม่ได้พูดถึง



Focus [Series Solution]

วันศุกร์ 28 ก.ย. 2558

        วันนี้ฝึก Energy management แบบง่ายๆคือ Focus - relax - Focus - nap - วนมา Focus ใหม่ โดยเริ่มฝึกไปเริ่มรู้แล้วว่าวันนึงเราโฟกันได้แค่ 1-2 อย่าง แต่ควรเลิกเพียงหนึ่งอันพอ แล้วใส่พวกอ่านหนังสือดูกราฟ manage port เป็นกิจกรรมเสริม ทำมาสี่ปีแล้วมันกลายเป็นไม่ใช่งานไปแล้วแลดูเป็น skill ติดตัวเราไปแล้ว โดยวันนี้เอาวิชา Advance Math มาฝึก โดยนั่งอ่านนั่งทำพอล้าๆ (ประมาณ 1 ชม.) เบรค แต่คราวนี้มีรุ่งพี่ป.เอก ป.โท มาแลกเปลี่ยนประการณ์เลยต้องคุยต่อยาวๆ ถามว่าคุ้มไหม ผมว่าคุ้มนะได้เจอพี่คนนึงมีมุมมองด้านจิตวิทยาที่ดีมากเลย มีเรื่องที่น่าแปลก คือ ถ้าผมมีของ 1 ชิ้น คุณมีของอีก 1 ชิ้น ถ้าเราเอามาแลกกันคุณจะมี 1 ชิ้น และผมจะมี 1 ชิ้น แต่ถ้าผมมี 1 ความคิด คุณมี 1 ความคิด เราเอามาแลกกันเราจะมีคนละ 2 ความคิด #หมัศจรรย์ของความคิด  กว่าจะได้เริ่มโฟกัสงานอีกรอบก็กินเวลาไป 2 ชม. แล้ว หลังจากนั้นก็เข้าสภาวะ Focus พักกินกาแฟ (ช่วงนั้น 4 เกือบ 5พอดี) รู้ตัวว่า energy เกือบหมดเลยโกงซะหน่อย ไม่ดีอย่าทำตามนะเด็กๆ  จากนั้นก็ต่อยกสุดท้ายสรุป focus วันนี้คือ 


หมดแรงเหมือนกันนะเนี่ย

Risk of Port = 4.24 %

เรื่องที่น่าสนใจสำหรับตลาดตอนนี้ คือ ค่าเงินเริ่มแข็ง แสดงว่ามีคนเริ่มมาสะสมของเราจ้า 

Assumption ขาขึ้นระยะสั้น


ตัวเลขบางอย่างที่ควรจับตามองคือเงินเฟ้อ... นี่เราเงินฝืดเหรอเนี่ย 


SET ดูดีนะ ถ้าไม่หลุด SMA 20 hold ไปเรื่อยๆ ชิวๆ 



วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2558

The decision of FED ( interest rate )

วันพฤหัสบดี 17 ก.ย. 2558

        วันสำคัญวันหนึ่งในรอบเดือนนี้การประชุม FOMC ที่ได้เริ่มมีขึ้นจะได้ข้อยุติว่า สรุป คืนนี้ FED จะขึ้นดอกเบี้ยรึป่าว ความสำคัญของการขึ้นคือ ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลจะสูงขึ้นอย่างแน่นอน เงินไหลจากที่ต่ำไปสู่ที่สูงเสมอ ดังนั้นถ้าการฝากเงินมีผมตอบแทนที่สูงขึ้นก็ต้องมีไหลไปที่นั่นไม่มากก็น้อย แล้วจะส่งผลกระทบในมุมไหนบ้างต้องมาดูกัน

        ประเด็นแรก คือ การที่ FED รีบขึ้นดอกเบี้ย คือ การดึงเงินหมาศาลที่ FED พิมพ์ออกมาประมาณ 4.4 ล้านล้านดอลล่ากลับเข้ามาในประเทศ (ซึ่งบางส่วนได้กลับมาแล้ว) ถ้าพูดถึงในแง่กลยุทธ์ถือว่าหมากตัวนี้เป็นหมากต่อเนื่องที่น่าสนใจทีเดียว เพราะ ออกมาขัดกับ QT ที่จีนกำลังทำอยู่ รวมถึงเป็นการดึงสภาพคล่องออกจาก EM (ตลาดเกิดใหม่) ตลาดน่าจะตอบสนองในแง่ร้ายพอสมควรก็เป็ฯอีกโอกาสใน US เข้าไป shop ของถูกๆกันอีก

        ประเด็นต่อมา คือ การที่กดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำเป็นเวลานานทำให้คนที่ต้องการเงินก็แห่มากู้ที่ US เนื่องจากดอกถูก ซึ่งรวมถึงภาคเอกชนของ US เหมือนกันที่มากู้ด้วย ดังนั้น ถ้ามีการขึ้นดอกเบี้ย เอกชนต่างๆที่มากู้ย่อมได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน ที่แน่ๆ คือ FED มองว่าเอกชนของตัวเองแข็งแรงพอที่จะรองรับผลกระทบตรงนั้นได้ไหม (หรือ FED มีหน้าเพียงกำหนดนโยบายทางการเงินเพื่อต่อสู้กับประเทศอื่นๆ)

        Demand ของ USดอลล่า ที่เพิ่มมากขึ้นและมีทิศทางที่แข็งค่ามากขึ้นเรื่อยๆเนื่องจาก เงินส่วนมากกำลังถูกเปลี่ยนเป็น ดอลล่า ยิ่งถ้าผลตอบแทนในรูปของเงิน ดอลล่า สูงขึ้นคิดว่า... เงินดอลล่าจะแข็งขึ้นอีก

        แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่เขียนมายาวพอสมควร อยากจะให้เรามองกันในมุมกว้างๆ อีกอย่างดอกเบี้ยมันต่ำเกินไป ยังไงก็ต้องขึ้นจะช้าจะเร็วเท่านั้น แถมช่วงนี้ตลาดรับข่าวการขึ้นไปพอสมควร ลงก็ไม่หนักมาก คืนนี้ก็ bet กันดีๆนะครับ

        หลักการแรกของ Energy management คือ Respect ทั้งต่อโคช ตัวเอง หรือต่อคนอื่น คือเราทุกวันนี้ขาดข้อนี้มากๆนะ คือ ใครที่มองต่างคือผิด เราขาดการยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นแล้วก็เข้าใจว่ามันก็แค่อีกความคิดนึง ไปตัดสินทำไม ....

        ข้อต่อมาคือ การคุยกับตัวเอง คือ เราต้องหาเวลาว่างๆคุยกับตัวเองให้ได้นะว่าเราต้องการอะไร อะไรคือแรงขับดันภายในของเราไม่ใช่ว่าแค่อยาก แต่ต้องตอบให้ได้ว่าทำไม คือ ต้องคุยกับตัวเองให้รู้เรื่องให้ได้ นอกจากว่าเราต้องการอะไรแล้วยังรวมถึงนิสัยเสียๆของตัวเองด้วย อย่าง ทำไมตื่นเช้ายาก เพราะอะไร แล้วจะแก้ไขอย่างไง ต้องคุยกับตัวเอง ถ้า ยัง อยากก้าวไปข้างหน้า แล้วที่สำคัญ focus in process ไม่ใช่ result

ตอนนี้ Risk of Port ลดมาอยู่ที่ 4.4% อันนี้เป็นตัวอัพเดทพอทแบบรายวันเลยดูว่าตอนนี้พอทเราแบบความเสี่ยงไว้เท่าไหร่


หุ้นที่สะสมตอนนี้สำหรับพอท Beta ก็มีอยู่ 5 ตัว


คือ เข้าไปสะสมใกล้ๆเส้น เป็นแผนเชิงรับพอหุ้นมันเด้งขึ้นมาก็ขายทำกำไรไปบางส่วนเพื่อเอาไว้เพื่อถ้าผิดทางจริงเวลา stop จะได้เสียน้อย หรือแม้กระทั่งไม่เสียเลย

วันนี้ความจริงรับ CHG มา แต่ขายเท่าที่รับมาเลยเพราะรู้สึกว่าตัวเองรับมาเสียเปรียบมากเลยยอมขายเท่าทุนไป

Ray Dario ทำนายว่าจะต้องทำ QE ในอนาคต มาคอยดูคำนายของราชากันดีกว่า ...

วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558

ความไม่แน่นอนของ Heisenberg การลงทุน

วันพุธ 16 ก.ย. 2558 

        วันนี้รู้สึกว่า energy เกลี้ยงมากแต่ผลงานได้น้อยนิดนึงเอาใหม่พรุ่งนี้ อย่าฝืนเป็นการฝึก energy management ข้อนึง คือ อย่าฝืนตามไปอ่านได้ที่  7 Ways to Manage Your Energy   แต่วันนี้จะขอข้ามไปก่อนไว้เล่าวันหลังนะครับ

        ทำไมผมถึงมาเปลี่ยนจากเพียว technical มาออกแบบพอตใหม่โดยให้ความสำคัญกับ Risk management , Strategy , Asset allocation โดยมีรากฐานมาจากสูตรของ Ray Dario  [ Return = Cash + Alpha + Beta] ซึ่งเหตุผลสำคัญมันมากจากคิดเล็กๆความคิดหนึ่งที่แว๊ปขึ้นมาตอนเรียนวิชา Advance Math. แต่ก่อนที่เราจะพูดถึงความคิดนั้นเราพูดถึงแนวคิดของ Heisenberg ก่อนดีกว่า 

        Heisenberg เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน และได้เป็นหัวหน้าโครงการพลังงานนิวเคลียของเยอรมัน มีเรื่องลือหนาหูบ้างก็ว่า เขาพยามทำนิวเคลียให้ฮิตเลอร์ แต่ไม่สำเร็จเยอรมันผ่ายสงครามซะก่อน บ้างก็ว่าเขาไม่ค่อยชอบฮิตเลอร์เลยพยามดึงงานที่เกี่ยวกับนิวเคลียร์ให้ช้าลง ไม่ทราบข้อเท็จจริงประการใด แต่หลังจากเยอรมันแพ้สงครามพบว่าที่ห้องแลปของ Heisenberg ไม่ได้ก้าวหน้าเท่าไหร่ในด้านการทำระเบิด แต่ที่น่าทึ่งคือทฤษฎีทางฟิสิกส์ที่เขาคิดไว้อย่าง Particle Physics และ Heisenberg ยังเป็นคนวางรากฐานที่สำคัญให้กับทฤษฏีควอนตัมซึ่งเป็น 1 ในสองทฤษฏีทางฟิสิกส์ที่สำคัญในยุดสมัยนี้ (ส่วนประวัติต้องไปหาอ่านเองนะครับ) ส่วนที่สำคัญและดังมากในวงการตอนนั้นคือ "หลักความไม่แน่นอนของ Heisenberg" 

        Heisenberg's Uncertainty Principle หรือหลักความไม่แน่นอนของ Heisenberg กล่าวไว้ว่า (ย่อมาแบบเข้าใจง่ายๆนะ) "ไม่มีทางที่จะบอกตำแหน่งของอนุภาคกับโมเมนตัมได้พร้อมๆกัน" (ยืมข้อความที่ขยายความมานะครับข้อความจริงๆมันจะวิชาการไป) หมายถึง ถ้าอนุภาคเคลื่อนที่มันจะมีโมเมนตัมถ้าเราจะบอกว่ามันอยู่ตำแหน่งไหนที่แน่นอนเราต้องจับให้มันหยุด แต่ถ้าเราต้องการทราบโมเมนตัมที่แน่นอนเราต้องให้มันเคลื่อนที่ ดังนั้นเราไม่มีทางรู้ทั้ง 2 ต่ำแหน่งพร้อมๆกันได้ ภาคทฤษฎีมีอีกเยอะแต่เขียนมากไปจะเบี่ยงประเด็นเปล่าๆ 

อันนี้คือสมการความไม่นอนของ Heisenberg เดลต้าx คือ ความน่าจะเป็นของตำแหน่ง ส่วนเดลต้าp คือ ความน่าจะเป็นของโมเมนตัม 


        ระหว่างที่นั่งเรียน Advance math. ผมแว๊ปไปคิดถึง Heisenberg ผมก็แล้วนึกต่อไปว่า Heisenberg คิดเหมือนพระพุทธเจ้าเลย ถ้าเราเอาสมการไปจับเราจะพบสูตรในการหาความไม่แน่นอนของอนุภาค แต่ถ้าเราเอาความเข้าใจไปจับ Heisenberg กำลังบอกว่าทุกอย่างไม่เที่ยง 

        มีแค่ความไม่เที่ยงนั่นแหละเที่ยง แม้เทคนิคการทำกำไรก็ไม่เที่ยง เราพยามหาเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจเสมอ เช่น คำพูดของเซียน บทวิเคราะห์ หรือเครื่องมือทางเทคนิคคัลต่างๆ ถามว่าเราสามารถทำนายได้จริงไหม บอกเลยว่าไม่ เกือบทุกคนที่ทำนายตลาดมันจะใช้คำว่า"น่าจะ" เพราะเรารู้ว่าทุกครั้งที่เราทำนายมันมีโอกาสผิดอยู่เสมอ ยกตัวอย่างเช่น golden cross ราคาทำให้เกิด golden cross หรือ golden cross ทำให้ราคาเกิด ? เฉลย ราคาทำให้เกิด   macd > 0 เกิดจากราคาสูง หรือ ราคาเกิดจาก macd > 0 ? ราคาทำให้เกิด แล้วเราจะทำกำไรจากความไม่แน่นอนได้อย่างไร

"เมื่อเราอยากได้กำไรที่แน่นอน บนราคาที่ไม่แน่นอน" 

ผมกลับมาคิดว่า อะไร คือ สิ่งที่ทำให้ผมรอด บิงโก การควบคุมความเสี่ยง เพราะมันเป็นสิ่งหนึ่งที่เราควบคุมได้ในภาวะต่างๆที่ไม่แน่นอนของตลาด เราไม่รู้ว่าเขาคิดอย่างไง ทิศทางมันจะไปทางไหน ในเกมส์ที่ Big player มากเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็น สภาบันทางการเงินต่างๆ ผู้จัดการกองทุน หรือแม้กระทั่งธนาคารกลาง ถามว่าเราจะรู้ได้ไงว่าเขาจะเล่นอย่างไง ทางเดียวที่ผมคิดว่าเป็นทางรอดได้ คือ คาดการณ์ให้ได้ว่าเขาคิดยังไงแล้วลู่ไปตาม flow ของเงิน จากการสังเกตสถานการณ์ต่างๆ แต่ให้มั่นใจได้อย่างนึงเลยว่าเราจะไม่มีทางถูกทุกครั้งแน่นอน ดังนั้นทุกการคาดการณ์สมมติฐานเราต้องทำอย่างเสมอคือ ลดความเสี่ยง ลดความเสี่ยง และ ลดความเสี่ยง เพราะเวลาเราผิดเราจะเจ๊บน้อย ซึ่งเราจำเป็นต้องเจ๊บอยู่แล้ว แล้วเราก็จำเป็นต้องเสี่ยงด้วย ถ้าเงินหมดจะเอาที่ไหนไปเสี่ยงอีก 

ดังนั้นใจความสำคัญอย่างแรกในการหา model คือ ลดความเสี่ยงให้ได้ ถ้าอยากทำกำไรที่แน่นอนจากตลาดที่ไม่แน่นอน 

สุดท้ายแล้วมันต้องมีครั้งที่เราคิดถูก คนที่รวยจากตลาด คื ออยู่ให้ถึงครั้งนั้นก็พอ 

การเกร็งกำไรในตลาดมันก็เหมือนการเล่น  russian  roulette  เราไม่รู้ว่านัดไหนเราจะโดน

ที่สำคัญถ้าโดนต้องรอด!!!


ปล.  russian  roulette คือ การเอากระสุนปืนใส่ในปืนลูกโม่แล้วยิงหัวตัวเองทีละครั้ง (สมัยก่อนนะสมัยใหม่เค้าปรับปรุงวิธีละ) 

วันนี้ risk port ลดลงจาก 5.18% เหลือ 5.00% ก็ยังอยู่ในเกณฑ์สูง ... ต้องลด 

วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558

ความฉลาดของคนไม่ฉลาด

วันอังคาร 15 ก.ย. 2558

        วันนี้เริ่มต้นวันด้วยการตื่นสายจากที่เมื่อคืนลุยงานจนเกือบตี 3 ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับชีวิตตอนนี้ที่มีกิจกรรมเยอะมาก วันนี้เป็นวันแรกที่เอา Model ใหม่ไปใช้ สรุป dawn -3% แบ่งเงินถูกแล้ว ทุกอย่างดูเหมือนจะดี แต่ไม่ได้ใส้ Maney Management เข้าไปแย่เลย พอลองเอา MoneyManagement คำนวนเข้าไป พระเจ้าช่วย ถ้าหลุดทุกตัวจะเสียหายเข้าขั้น 6% ของพอต ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะเฉยๆแต่ตอนนี้ต้องมีการปรับปรุงอะไรบางอย่างแล้ว risk loss เยอะไป กลยุทธ์ต่อไปทะยอยขายปรับความเสี่ยงให้ลดลง

อันนี้คือภาพของลักษณะกาโตของพอตแบบที่อยากให้เป็นกับลักษณะการโตของพอแบบที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งการที่ Port drawdown ลงมากๆ เกิน 10% เอากลับไปยากมาก ขอเปิดเผยความลับสวรรค์หน่อย


อันนี้คือการ growth ของพอตจริงๆ (สีน้ำเงิน) กับ set index (สีส้ม) บันทึกเป็นรายสัปดาห์ โดยเทียบจากข้อมูลวันที่ 29 ธ.ค. 2557 เห็นได้ว่า drawdown ค่อนข้างสูงต้องปรับระบบใหม่ โดยพอตนี้มีการถอนเงินออกจากพอตเดือนละประมาณ 4-5% ในช่วง 2 เดือนที่ล่าสุด ปล.แท่งหนึ่งแทนระยะเวลา 1 สัปดาห์

ตอนนี้เพิ่มระบบดูความเสี่ยงของพอตก็ประมาณนี้


ใช้ excel เขียนง่ายๆ เน้นดูตรงขวาล่างอย่าให้เกิน 2 - 3 % คือ 2 ก็เยอะแล้ว ความพลาดของการปรับพอตคราวนี้คือ ไม่ลองทำ micro scale ก่อน ซึ่งนั่นคือความผิดพลาดของคนไทยเหมือนกันเวลาจะเปลี่ยนแปลงหรือทำอะไรใหม่เราไม่ค่อยกล้ากัน หรือทำก็เปลี่ยนทีนึงทั้งประเทศ ทำใน Macro scale ใช่มันเหมือนว่าการเปลี่นครั้งหนึ่งมันเห็นภาพชัดดี แต่ทำไมเราไม่ลองทำอย่างอื่นเป็น micro scale โมเดลเล็กๆง่ายๆก่อนเพื่อดูผลกระทบ บอกตัวเอง เผลอไปบ่นคนอื่นอีกจนได้

        เรื่องที่อยากจะพูดวันนี้เริ่มมาจากวันอาทิตย์นั่งคุยกับแม่เรื่องน้องๆรวมถึงเรื่องตัวเอง คือตอนนี้แม่เป็นห่วงน้องแบบ extremely ว่าจะเรียนที่ไหน เรียนยังไง เรียนอะไร จะเอาไงกับชีวิต แล้วมาจบลงที่เรื่องหัวอ่อน ซึ่งแม่ก็บอกว่าจ๊อบเมื่อก่อนเป็นคนหัวอ่อน ซึ่งในความหมายของแม่คือไม่ทันคน ผมเลยลองมานั่งคิดแบบจริงๆจังดู คนหัวอ่อน คือ คนโง่หรือคนที่ถูกเอาเปรียบในสังคมจริงไหม ?

        เวลาพูดถึงคนโง่ผมเห็นภาพคนที่ควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วทำอะไรที่ตัวเองไม่คิดว่าจะทำให้เวลาปกติ อย่างเช่น คนเมาแล้วเก่งมากเลยไปหาเรื่องคนนู้นคนนี้  คนที่ทำอะไรแล้วไม่ค่อยคิดมั่งหล่ะ บางทีเราชอบเข้าใจกันว่าคนหัวอ่อนคนอื่นใช้อะไรก็ทำคือคนโง่ แต่เขาโง่จริงๆเหรอ?

        สำหรับผมบางทีเรานั่นแหละที่อาจจะเป็นคนโง่เสียเองที่ไปตัดสินเขาแบบนั้น เราไม่ได้อยู่กับเขาคลุกคลีกับเขา ถึงแม้จะอยู่ด้วยกันตลอดแต่ไม่ใช่ทุกเวลาแน่ๆ ดังนั้นบางทีเราอาจจะมองไม่เห็นถึงวัตุประสงค์ของเขาว่าสิ่งที่เขาต้องการคืออะไร

        บางคนเขาทำแบบนั้นเพื่ออะไรบางอย่างในอนาคตแบบนี้เราเห็นได้บ่อยๆตามหนังแต่พอเจอในชีวิตจริงเรากับชะล่าใจ อย่าบางกรณีเขาอาจจะมองเห็นบางสิ่งบางอย่างที่เรามทองไม่เห็นก็ได้นะ

        ผมเคยไปนั่งคุยกับเด็กเล็กๆที่โรงเรียน มีเด็กอยู่คนนึงมักจะถูกเพื่อนแกล้งเสมอ แต่เพื่อก็ไม่ได้แกล้งแบบรุนแรงมาก คือ แกล้งปกติ ที่น่าแปลกคือเขาไม่แกล้งหรือทำอะไรเพื่อนกลับ แถมบางครั้งเพื่อนยังมาให้ช่วยทำงานตลอด ผมเดินเข้าไปถามน้องเขาว่า
"ทำไมไม่เอาคืนหล่ะ สู้ไม่ได้เหรอ"
"ป่าวครับ ผมไม่อยากเห็นเพื่อนเจ๊บ" แล้วน้องก็ยิ้ม
วันนั้นผมคิดว่าสิ่งที่น้องตอบคงเป็นแค่ข้ออ้างของคนที่ไม่กล้าสู้ เหมือนโนบิตะที่ไม่กล้าสู้กับไจแอนท์
แต่ผมกลับพบว่า จริงๆ ผมอาจจะคิดผิด ถ้า goal ของโนบิตะคืออยากมีเพื่อนหล่ะ ถ้า goal ของโนบิตะคือมิตรภาพหล่ะ การยอมให้ไจแอนท์แกล้งเล็กๆน้อยเพื่อแลกมาด้วยมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่ผมว่าโนบิตะเป็นนักลุนที่โครตฉลาดเลย เพราะเวลามีปัญหาอะไรก็มีไจแอนท์คอยช่วยไม่ใช่เหรอ ก็มีเพื่อนไม่ใช่เหรอ มันก็คุ้มค่ากับมิตรภาพไม่ใช่เหรอ

แล้วถ้าจริงๆเรื่องเมื่อหลายปีก่อนผมคิดผิดหล่ะ  น้องคนนั้นอาจจะเห็นคุณค่าของความสุขที่ได้ทำเพื่อคนอื่นมากกว่า การตอบสนองของสัญชาตญาณจากภายในใจหละ ณ ตอนนั้นความสุขคงสถิตอยู่กับน้องและความระแวงสงสัยคงสถิตอยู่ในใจพี่ แบบนี้ใครคือคนที่ฉลาดกว่ากันแน่นะ

ปล.เขียนโดยคนโง่ คนเราเกิดมาสิ่งแรกที่เราปารถนาคือความสุขไม่ใช่เหรอ แล้วนี่เราทำอะไรกันอยู่

วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2558

Return = C + B +A

วันจนทร์ 14 ก.ย. 2558

        ความจริงวันนี้อยากเขียนเรื่องเกี่ยวกับ model ใหม่ที่พึ่งออกมาเสร็จแต่ขอทดลองใช้ก่อนละกันนะ โดยโมเดลนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก KZM พี่ต้าน mudley group แล้วก็ Ray Dario  king of fund

Ray บอกว่า  Return  =  Cash + Alpha + Beta

ในพอตของ Ray จะมีการแบ่งสัดส่วนตามสถานการณ์ (เป็นสูตรลับ) ที่นี้ขอมาขยายความตามความเข้าใจแต่ละตัวก่อนดีกว่านะครับ

Cash = เงินสด มีคำกล่าวว่า "cash is king" ใช่ในวิกฤติ cash is king จริงๆ โดยปกติเงินเราจะมีค่ามากขึ้นเมื่อเกิดวิกฤติ คือ ค่ามากค่าน้อยอยู่กับเราเทียบกับอะไรใช่ไหม ในกรณีนี้คิดว่า Ray เปรียบเทียบกับ สินค้าอื่นๆในตลาด ซึ่งในเวลาปกติเราจะซื้อได้จำนวนหนึ่ง สมมติเป็น n แต่ในเวลาวิกฤติเราจะซื้อได้มากกว่า n และช่วง bullish จะซื้อได้น้อยกว่า n เสมอ

สภาวะปกติ --------  Cash  =  n
สภาวะวิกฤติ ------  Cash  =  a x n  โดยที่ a มีค่ามากกว่า 1 ขึ้นไป
สภาวะBullish ----  Cash  =  b x n  โดยที่ b มีค่าระหว่าง 1-0

ตัวต่อมา Alpha  คือ  Product ที่ under value มากๆ แต่มันต้อง value จริงๆนะ แล้วสะสมระดับความกลัวเข้าไปอย่างมหาศาล  เมื่อไหร่ก็ตามที่หมอกของความกลัวหายไป มันจะกลับมาแบบ power มหาศาล (มักจะมาพร้อมกับดัชนี) แล้วกำไรมันจะ cover ทุกส่วน

ตัวสุดท้ายคือ Beta คือ การทำกำไรปกติไม่ว่าจะรูปแบบไหนก็ตาม สำหรับเรา คือ Technical การอ่าน price action ต่างๆ + เส้นค่าเฉลี่ย + math นิด ๆ

ใน KZM พี่ต้านได้อธิบายจุดเด่นคือการทำกำไรแบบทุกช่วงของราคาโดยเป็นระบบที่เอาไว้แก้ stoploss จะไม่มี stoploss แต่ว่าข้อด้อยคือต้องแบ่งเงินให้พอ คือ พี่เขาบอกว่าแบ่งเป็น 100 ส่วน ใช้รบ 4 กอง
กอง A 25 ส่วน
กอง B 25 ส่วน
กอง C 25 ส่วน
กอง D 25 ส่วน
โดย เขากำหนดให้พอตมีขนาด 50,000 บาท แบ่งเป็นส่วน ส่วนละ 500 บาท แล้วเทรดตามกลยุทธ์แบบที่พี่เขาวางไว้ มีทั้งการคุม zone , technical ออบแบบตามเงื่อนไข ออกตามสัญชาตญาณ เจ๋งดีอะ เลยเอามาดัดแปลงซักหน่อย แต่วันนี้ขอตัวก่อนดีกว่าดึกละ พรุ่งนี้ว่ากันใหม่

ไปตามอ่านเอาใน KZM  กับ เทคนิค C , D (อ่าน KZM ก่อน) , True alpha   อ่านตามลำดับช่วยได้มากเลย








ตลาดก็ตามที่คาดไว้ลงแต่ไม่หนัก อยู่ใน zone ไม่เกิน 1366 รอสะสมหุ้นะจ๊ะ

อีกอย่างที่น่าสนใจคือ Eu/us


น่าสนใจอย่างไง เห็นได้ว่าค่าเงินของ eu เริ่มกลับมาแข็งค่าแล้ว ตอนที่ ECB กดดอกเบี้ยให้ต่ำมีเงินจำมากไหลออกจาก EU บ้างไปอยู่ US บ้างไป JYP บ้างไป commodities และบางส่วนได้ไหลมาเข้า EM น่าสนใจตรงที่ทำอยู่ๆ EU เริ่มแข็งทั้งๆที่ ECB บอกจะพิมเงินออกมาอีกเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำอะไรให้ตามต่อแน่ ที่สำคัญถ้าเงินไหลกลับจริง ใครได้ใครเสีย ที่สำคัญ EM กับ BRICS โดนอีกระรอบแน่ๆ


วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2558

Homework & Relax

วันอาทิตย์ , 13 ก.ย. 2558

        วันนี้ยุ่งๆกับการทำการบ้าน Advance Math. ซึ่งมันยากกว่าที่ประเมินไว้พอสมควร เหมือนพลังงานไม่พอใช้ในแต่ละ คิดว่าสาเหตุหลักของการ burn พลังงานน่าจะมาจาก

1  การเดินทางจากบ้านมาคอนโด

2  นั่งฟัง cwayinvestment  2 คลิปติด

3  ไปนั่งแกะ model KZM ของพี่ต้าน อันนี้ burn จริง พอแกะเสร็จจะมาทำการบ้าน ปวดตาเลย !!

4  การทำการบ้าน อันนี้ก็หนัก

5   เกือบลืม ไป shopping  ของกินเข้าห้อง (เดินห้างเพลิน)

ต่อไปถ้า activity เยอะ ต้อง manage energy ดีสะแล้วไม่งั้นไม่มีพลังงานไปทำอะไรแน่ๆ

        KZM model น่าสนใจมาก ว่างๆจะมาสรุปให้ฟังว่า model นีัมีแนวคิดอะไร ...

goodnight

วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2558

การจัดการกับความเชื่อผิดๆ

วันเสาร์ , 12 กันยายน 2558

        วันนี้อ่านหนังสือจบไป 1 เล่ม คือ "ความสุขโดยสังเกต" ของพี่นิ้วกลม คือ เขียนได้น่ารักมาก ทำให้นึกได้ว่าบางทีเราก็ไม่ได้สังเกตความสุขกันสักเท่าไหร่ ขอบคุณมุมมองดีๆ ที่เอาไว้มองหาความสุขนะครับ

        ตอนแรกอยากพูดเรื่องตลาดเพิ่ม time management ฯลฯ เยอะแยะเต็มไปหมด แต่เวลามีน้อย (อย่าลืมเรื่องการทำงานอย่างไรให้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 2-3 เท่า) วันนี้เลยมาพูดเรื่องความเชื่อหลังจากได้ยินพี่ภู พูดในรายการวิทยุ เลยขอมาแบ่งปัน เรื่องการใช้ความเชื่อ

        ทำไมเราต้องใช้ความเชื่อสร้างชีวิต จริงๆความเชื่อเนี่ยมันเป็นพลังนะ พลังจากภายในที่คอยขับเคลื่อนเราให้ไปตามทางที่เราคิด บางทีเป็นเหมือนเข็มทิศให้เราเดินไปตามหาฝัน ความเชื่อก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นกับมนุษย์ และผมเชื่ออีกว่าเราทุกคนมีความเชื่อ

        คนเรามีคิดวันละ 60,000 ความคิดโดยประมาณ คนที่ประสบความสำเร็จคือคนที่ไม่ได้เชื่อทุกความคิดในสมอง แต่เลือกที่จะเชื่อบางความคิด สมองที่คิดลบมักจะคิดถึง all or non หมายถึงเวลาเราทำอะไรผิดพลาดขึ้นมา สมองจะคิดว่า "ทำไมฉันเป็นคนที่ล้มเหลวเสมอ"(all) หรือ "ทำไมฉันไม่เคยประสบความสำเร็จเลย"(non) ลองสังเกตดูว่าจริงไหม?

        พี่ภูให้คำแนะนำในการเปลี่ยนความเชื่อโดยทำง่ายๆ 3 ข้อ คือ 1 ตั้งคำถามกับสมองว่าจริงเหรอ  เราไม่เคยประสบความสำเร็จจริงเหรอ เราพูดไม่ดีจริงเหรอ เป็นต้น
2 หาเหตุผลสนับสนุนว่าเราไม่ได้เป็นตามความเชื่อแย่ๆนั้น เช่น เคยได้ราวัลนู่นนี่นั่น มีคนมาชมเราว่าพูดดีเมื่อตอนนู้ เป็นต้น
3 ฝึกแล้วหาจังหว่ะบองทำใหม่ (พิสูจน์ตัวเอง)

        สรุป คือ เราต้องฝึกคุยกับสมองให้รู้เรื่องและอย่าเชื่อมันมาก ...

วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2558

Market Update

Friday , 11 / 9 / 2015

        วันนี้ขออัพเดทตลาดเราหน่อยว่าเป็นยังไงกันบ้างเริ่มจาก SET กันก่อนเนอะ ภาพใหญ่ของปู่เป็นไงไหนขอภาพก่อนสิ


ใน weekly chart สิ่งที่เราเห็นเลยหลัก (เอาเป็น fact ก่อนนะ) คือ
1 BB กำลังถ่างออก หมายความว่า ความผันผวนจะสูงกว่าก่อนหน้านี้มาก จะเล่นยากขึ้น โยกเก่งขึ้น
2 rsi ของ weekly ลงต่ำกว่า 30 ซึ่ง rsi เป็น lacking indicator คือช้ากว่าราคาหรือดัชนีก็ตอนเฟริมว่าก่อนหน้านี้เราแพคนิคตลาดพอสมควรเลย
จากข้อมูลที่เรามี sentiment ของตลาดยังไม่ค่อยดี แต่ลึกเชื่อว่าน่าจะเกิดแบบปลายปี 54 คือ bad x bad = good นะ อันนี้มโนเอาเอง


ในภาพสั้นๆของอาทิตย์ที่ผ่านผมว่าเริ่มมีสัญญาณดีๆบางอย่างอยู่ เห็นได้ว่าอาทิตย์ที่ผ่่านมาทั้งอาทิตย์ดีทุกวันเลย ยกเว้นวันนี้ที่กระชากพอสมควร คิดว่าน่าจะเป็นการเชคแรงขายของตลาดนะว่าเป็นไงบ้างสรุป



ดูแล้วไม่น่าเป็นห่วงอะไร ต่างชาติไม่เอาด้วย ตัวที่ศื้อขายหลักๆก็ไม่ได้โดนกดอะไร อาจจะมีกลุ่มน้ำมันที่กดดันตลาดอยู่

อีกอย่า่งที่น่าสนใจดู คือ ข้อมูลซื้อขายรายกลุ่มนักลงทุนของเดือนนี้


 น่าสนใจตรงที่ตอนนี้เป็นการงัดกันระหว่างต่างชาติกับกองทุนต้องดูว่างสนนี้ใครจะอยู่ใครจะไป

จากหลายๆอย่างที่เอามาประกอบคิดว่าปลายปีนี้น่าจะวนเวียนแถว 1480-1500 ได้ไม่ยากนะ (เดา)

ข้อมูลหลายๆอย่างมันชวนให้คิดไปเองว่าอย่างนั้นยกเว้นค่าเงินบาท....

สรุปคือสำหรับเซตเนี่ยเขาขึ้นกดกระชากเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วถ้าวันจันทร์ไม่ได้ปิดน่าเกลียดอะไรมาก อย่าง -10 หรือ -20 อะไรทำนองนี้ก็ถือว่ายังโอเค


มองย้อนกลับไปว่าเราพลาดตรงไหนเนี่ยรู้ตัวเลยว่าตัวเองเป็นหมากยังไง ขอย้อนเหตุการณ์เกินอาทิตย์นี้หน่อยแล้วกันจะได้เข้าใจภาพรวมของเซตตอนนี้มากขึ้น ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

        วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม set เปิดแกป -30 จุด แล้วถูกทิ้งด้วยแรงขายอย่างต่อเนื่องจนลบประมาณ 50 จุด จากนั้นดัชนีค่อยๆรีบาวขึ้นมา ตอนนั้นคัทหุ้นไปเกือบหมดแล้ว (เหลือ THE คัทตามสัญญาณนะ) และเข้าใจว่านี่คือโอกาสเลยเข้าไปสะสม call เนื่องจากดัชนีหลุด BB down ในภาพ weekly ด้วยกะว่าเดี๊ยวยังไงก็ต้องเข้าไปอยู่ในกรอบ BB อยู่แล้วเลยกล้า call  1 ไม้ซึ่งหนักพอตัว ( 30 %ของพอต)  แต่ก่อนปิดดันมีคนกดดัชนีลงไปอีกเลยไปซื้อตอนปิดอีกไม้นึง ตอนนั้น sentiment ของตลาดแย่มาก  ในไลน์กลุ่มส่วนใหญ่บอกไม่เอาแล้วมั่ง รอ 1200 มั่ง รอ 700 มั่ง  กลับไปอ่านดู diary ของตัวเองขำตัวเองมากหอบ position dw ขนาด 70-80% ของพอตมาจากวันนั้นได้ไง ลุ้นดาวอีก พอดาวมา อ่าวรอดแล้ว


        วันอังคาร สรุปรอดจริงๆ แต่เจ๊บใจที่ตอนปิดดันสูงกว่าเปิดอีก แต่ทำ new low นะ ตอนนั้น sentiment  ของตลาดก็ยังแย่อยู่ ทุกคนมองรีบาวแล้วค่อยเข้าไปซื้อ ทำไมทุกคนถึงพลาดวันนั้น


สมองเราดันไปเปรียบเทียบดัชนีในวันไงเลยมองว่าตรงนั้น (ราคาปิด) แพง ซึ่ง smart money (ซึ่งเป็นใครก็ได้ที่ฉลาดกว่าและมีเงินมากกว่า) ก็รู้ว่าคนส่วนใหญ่ (mass) คิดอย่างนั้นเข้าทฤษฏีผลประโยชน์นะเนี่ย ฮ่าๆๆ mass ไม่ได้โง่หรือผิดอะไรนะ แต่กลไกของสมองมันเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว


sentiment ของตลาดไม่ค่อยมีใครกล้าซื้อทุกคนคิดว่าเดี๊ยวรอตอนย่อถ้าไม่หลุดจะเข้าไปเก็บ ดัชนีก็พุ่งเอ้าพุ่งเอา (ผมคิดว่ากองทุนอมไว้นะครับ ดังนั้นลงรอบนี้ไม่น่าจะต่ำกว่า 1350-1360 ถ้าต่ำแสดงว่าผมคิดผิดแล้ว) จากนั้นดัชนีก็เริ่มย่อตัวตอนนั้นเซียนนี่โชว short กันเต็มเฟสเลย ยิ่งตอนเปิดวันนี้ด้วยนะหืมม


ตอนนี้มีแต่คนรอซื้อ คือ ลอมองย้อนกลับไปนะ ตอนแรกมองจำราคา โลวสุดไว้เลยไม่กล้าซื้อตรง 1300 ทั้งๆที่เป็น pin bar  ต่อมาสมองจำราคาแถว 1380 เริ่มอยากได้แต่แบบกล้าๆกลัว ขอมีส่วนต่างความปลอดภัยหน่อยแล้วกัน มี low ด้วย แต่อยู่ๆขึ้นมาปิดบวกเฉยเลย จิตวิทยาไหมหล่ะ



ตามภาพเลย กระชากขึ้นมาทำ higher high ดูว่ามีคนกล้าซื้อเยอะไหม
จากนั้นกดดัชนีลงเลย ดูว่าพวกที่ซื้อๆขายๆไปหมดยัง ซึ่งตอนนี้กดต่ำมากไม่ได้ เพราะว่า mass (คนส่วนใหญก็รอที่จะเข้าไปซื้อในจุดที่สูงกว่าตอนแรกมาก คือ กดมาประมาณนี้อาจจะมีคนเข้าไป 5-10% ถ้ากดลงมาลึกอีกอาจจะมีคนเข้าไป 20 % คือ ต้อง balance เอง ว่าการกดราคาลงต้องสลัดคนออกด้วยและไม่ให้คนกลุ่มใหม่เข้ามาด้วย และแท่งสุดท้ายที่จังหว่ะเดหมือนจะแย่แล้ว vol ก็ไม่มี (อาจจะเพราะ vol ไม่มีเขาเลยมั่นใจว่าคนไม่สนใจในช่วงนี้) ช่วงบ่ายๆเลยมีเงินที่ไหนไม่รู้เยอะมากดันปิดซะ น่าเกลียด ตามคาด คนก็ยังกล้าๆกลัวๆอยู่ อาจจะเริ่มทะยอยซื้อมากขึ้นในวันสองวันนี้เขาก็ต้องเชคก่อนว่าคนขึ้นรถมาเยอะไหม.. ดูท่าน่าจะเยอะ ก็อาจจะกดดัชนีแถวนี้ก่อน แต่ไน่น่าต่ำมากเพราะคนยังไม่มีของเยอะเหมือนกันนะถ้าจะลาก smart money ไม่แบกคนเยอะ ยกเว้นในมุมกลับกัน ..... มันเป็นเพียงการระบายของ


สุดท้ายแล้วมันไม่น่าหลุดกรอบน้ำเงิน คือ จริงไม่ควรลงมาบริเวณสีส้มด้วยซ้ำ

ทุกๆแท่งสามารถตีความ sentiment โดยรวมของตลาดได้นี่คือ จิตวิทยาการลงทุน

ถ้างงตรงไหนถามได้นะครับ ว่างๆมาอัพเดทกันใหม่

ปล.ที่ใช้เป็น bar chart เพราะไม่อยากให้มีอารมณ์มาเกี่ยวข้องตอนมองกราฟครับ


วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2558

Project Job

Thursday , 10 / 09 / 2015

        วันนี้ระหว่างอ่านหนังสือ "ความสุขโดยสังเกตุ" ของพี่นิ้วกลมระหว่าทางก็เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น


คือ เป็นเรื่องราวของความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจตอนที่เราเจอเหตุการณ์หนึ่ง แถมถัดจากนั้นยังได้มีโอกาสที่ดี ในการให้คำปรึกษากับเพื่อนคนนึง ซึ่งเขาเริ่มบทสนทนาด้วยคำว่า "เวลาที่ไม่สบายใจมากๆควรแก้ยังไง" จากนั้นก็ทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดีเลยครับ 
        เวลาใครมาขอคำปรึกษาเนี่ยจากประสบการณ์เลยนะ สิ่งที่ควรทำอย่างสุดท้าย คือ การพูด สิ่งที่ควรทำมากที่สุด คือ การฟัง อย่าสะเออะ (บอกตัวเอง) ไปบอกอะไรเขาก่อนจะเข้าใจความรู้สึกเขาก่อน เข้าใจเรื่องราวเขาก่อน ค่อยๆยิงคำถามให้เขาพูดมาให้หมดก่อน ค่อยแนะนำเขา จริงๆวิธีการแนะนำที่ดีที่สุด คือ การทำให้คำตอบผุดขึ้นมาในใจของเขาเอง แบบนั้นเขาเรียกแนะนำขั้นเทพ แต่ในบางกรณีมันยากก็เปลี่ยนมาเป็น พูดให้เขาเข้าใจเรื่องราวของตัวเขาเองอาจจะง่ายกว่ามาก แล้วแบบมืดแปดด้านจริงๆก็ลองบอก know how เขาดู ง่ายสุด แต่ผลลัพธ์ในระยะยาวแย่สุด
        ในกรณีนี้แนะนำเพื่อไปว่า "ปัจจุบันคนชอบทำให้ความสุขมันยากเพราะ ego แท้ๆ ต้องทำให้มันยากเข้าไว้ สร้างเงื่อนไขในการมีความสุขให้มากเข้าไว้ เพียงเพื่อเวลาตนเองมีความสุขมันรู้สึกว่าคนอื่นสุขน้อยกว่า แต่มันเป็นแบบนั้นจริงๆเหรอ  ในโลกปัจจุบันเราไม่มีเครื่องมือที่ใช้วัดขนาดของความสุขได้ แต่ลึกๆเราเชื่อเสมอว่า ความสุขง่ายๆ ก็คงมีขนาดไม่ต่างจากความสุขยากๆเท่าไรนัก แล้วเราจะจำกัดความสามารถในการมีความสุขของตัวเองทำไม"  

"คนเรานี่ก็แปลกชอบเอาความสุขไปแขวนไว้กับคนอื่น เหมือนเราล็อกบ้านแล้วเอากุญแจไปฝากไว้กับคนอื่น พอจะเข้าบ้านเขาไม่รีบมาเปิดให้ก็โกรธ ปัญญาอ่อนไหมหล่ะ" 

"เราบอกความลับให้สามข้อเอาไหม  1)  ถ้าเราไม่ให้คิดถึง ช้างสีชมพู ตอนนี้คิดถึงอะไร ?  ช้างสีชมพู ใช่ ความคิดมันโตได้จากสองอย่าง 1 ต่อยอดมัน 2 ห้ามมัน  คือมันไม่เข้าใจหลอกว่าเรากำลังห้ามมันจะสร้างภาพมาแทนที่ภาพปัจจุบันเสมอ เช่น ไม่อยากกินข้าวขาหมู พอนึก ข้าวขาหมูก็ลอยมา ถ้าไม่อยากคิดถึงข้าวขาหมูต้องลองนึงถึงอย่างอื่น ก๋วยเตี๊ยว เป็นต้น นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมคนที่บอกตัวเองว่าเกลียดแฟนเก่าถึงลืมแฟนเก่าไม่ได้สักที 
2) เราเคยได้ยินมาบ้างไหมว่า ถ้าจิตใจไม่ดีก็พาลให้ร่างกายไม่ดีด้วย เช่น เจ๊บออดๆแอดๆ แต่จริงๆแล้วร่างกายกับสมองมันทำงานคู่กัน ไม่เชื่อลองหายใจเข้าลึกๆทำท่าคนวิ่งเข้าเส้นชัย รู้สึกดีไหม? ต่อมาลองขมวดคิ้ว นั่งหลังงอ เป็นไงรู้สึกแย่ไหม? 
3) เวลาเราต้องทำหลายหน้าที่หรือหลายๆงานเราจะสับสน และคิดวนไปวนมางง เหมือนคนแก่ที่พูดเรื่องเดิมซ้ำๆ จริงๆแล้ว ถ้าเราไปคุมความคิดดีความคิดมันจะวนเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นอย่าคิดมากไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด ต่อมาขอพูดเรื่อง working memory คือ สมองมนุษย์เราจะใช้ส่วนนี้สำหรับจำงานหรือสิ่งที่ต้องทำต่างๆ (เปรียบเสมือน ram ของ computer) ซึ่งปกติจะจำได้ 6-8 อย่าง ดังนั้นเวลาเราเจอปัญหาเข้ามาหลายๆด้าน ram ของเราจะเต็ม ส่งผลให้สมองทำงานช้า พะวงหน้า พะวงหลัง วิธีแก้ คือ จดลงไปในกระดาษ สมองจะเคลียร์ข้อมูลส่วนนั้นลงไปในกระดาษด้วย ที่ดีคือ จดสิ่งที่ต้องทำลงไปในกระดาษให้หมดเลยก็ได้ครับ" 

สุดท้าย เคล็บลับ เพิ่มเวลาจากเมื่อวานคือ "ทำทีละอย่าง"  

งานที่สำคัญที่สุดคือ "งานตรงหน้า"
คนที่สำคัญที่สุดคือ "คนตรงหน้า"
เวลาที่มีค่าที่สุดคือ "เวลานี้" 

จากการอ่านหนังสือ การสังเกตุเหตุการณ์รอบๆตัว การให้คำปรึกษา ทำให้ผุด Project ใหม่ขึ้นมา คือ Project JOB (อารมณ์ประมาณ project alice ในผีชีวะ) ซึ่ง Project นี้เชื่อว่าถ้าอยากได้ก็ต้องให้ 

คือถ้าอยากเห็นสังคมรอบตัวมีความสุข ก็ต้องหมั่นเติมความสุข สู่สังคม 
หรือถ้าอยากให้งานออกมามีคุณภาพ ก็ต้องหมั่นเติมความใส่ใจรายละเอียดให้กับงานนั้น 

วัตถุประสงค์เก่าๆ ไม่ว่าจะเป็นการเทรด การเรียน ดร. การเพิ่มความสามารถให้ตนเอง ครอบครัว ยังคง concept เดิม แต่ขอเพิ่ม ความสุข เข้าไปในทุกงานละกัน 

ความสุขคล้ายผงชูรส ใส่เข้าไปในงานชิ้นไหนก็ทำให้งานชิ้นนั้นดูมีความหมายมากขึ้น น่าทาน เอ่ย น่าทำมากขึ้น แต่ใส่มากๆก็ต้องระวัง

เลยขอปรับรูปแบบใหม่สักหน่อย  

การโมโหตัวเองที่ตัวเองนอนดึก เลยบังคับให้ตัวเองตื่นเช้ากว่าปกติ เริ่มส่งผลต่อกิจกรรมต่างๆในวันนี้พอสมควร แต่เพื่อความสมดุลในระยะยาวต้องทำ (คนบ้าอะไรโมโหตัวเองเพราะนอนดึกเลยบังคับให้ตัวเองตื่นเช้า ปัญญาอ่อน) 

ไม่ตั้งใจเรียน #ความผิดพลาดที่1 
ไปเรียนสาย #ความผิดพลาดที่2
อ่านหนังสือน้อยกว่าที่ตั้งใจ #ความผิดพลาดที่3
ไม่อ่านข่าวภาษาอังกฤษ #ความผิดพลาดที่4
ไม่ทำโจทย์ ad math ตามที่ตั้งใจไว้ #ความผิดพลาดที่5

ช่วงนี้หุ้นที่มีติด flow ไป 2 คือ Salee ถ้าวันนี้ไม่ทำ 1.35 อาจจะขายทิ้ง Apcs ที่หาจังหว่ะขายไม่ได้ 
หุ้นที่ติดก็มี Arrow รออยู่   กับที่พึ่งซื้อจะเป็น Asefa ที่ค่อยๆไป   ไว้ขายเราจะมาวิเคราะห์กันเนอะว่าทำไมซื้อ ทำไมขาย วิเคราะห์ตอนนี้กดดันตัวเองป่าวๆ 

ปล. ถ้าตัวอื่นช่วยได้นะ 

วันนี้ไปกินข้าวกะเพื่อน แล้วต่อด้วยคาเฟ่แมว เอารูปมาฝาก