วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
7 July 2015
Excercise
วันนี้ทำสำเร็จหลังจากพยามมาหลายวัน โดยการไปปั่นจักรยานในฟิตเนส 26 km ใช้เวลาไป 60 นาที หมดแรงถือว่าต้องพยามเพิ่มอีก เห็นลุงที่ไปเจอเมื่อวันเสาร์บอกว่า เขาแข่กัน 40 km ต้องพยามเพิ่มอีก
Book
วันนี้อ่านหนังสือไปประมาณครึ่งเล่ม Art of Bubble เล่นหุ้นในภาวะตลาดฟองสบู่ เขียนโดย พี่แพท ภาววิทย์ กับ พี่หยง ธำรงชัย เอาไปอ่านตอนไปออกกำลังกายในฟิตเนสพอดี .. ไม่ต้องพูดอะไรมากสำหรับสองคนนี้ ยังคงสร้างปมความคิดให้กับคนอ่านได้เสมอ พอเริ่มอ่านก็สะดุดกับข้อความนึง ขอยืมมาเล่าหน่อยนะครับ
วันนี้ผู้ใหญ่หลาย ๆ คนกล่าวหาว่า คนรุ่นใหม่เดี๊ยวนี้ไม่ทำอะไร จะเอาแต่เล่นหุ้น เพราะอยากรวยง่าย ๆ รวยเร็ว ๆ คนเล่นหุ้นพวกนี้ไร้สาระจริงๆ
ผมถามหน่อย คนที่พูดแบบนี้ เขารู้จริง ๆ หรือป่าวว่าตลาดหุ้นมันคืออะไร
จากนั้นพี่แพทก็ร่ายยาว ตรง เจ๊บ แต่โดน ไล่ตั้งแต่ ทำไมพ่อค้าแม่ค้าเดี๊ยวนี้บอกขายไม่ดี ขายไม่ดี แต่บริษัทใหญ่ ๆ ยอดขายเพิ่มเอา เพิ่มเอา ทุกวันนี้มันไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนแล้วที่ว่าทุกคนยังขาดแคลน ผลิตอะไรมาก็ขายได้ ขายหมด เดี๊ยวนี้ทุกคนแทบจะมีสิ่งที่คุณผลิตอยู่แล้ว แล้วทำไมเขาต้องมาซื้อของคุณอีก เพราะตอนนี้สินค้ามันล้นโลก ทุกคนตัดราคาแข่งกัน สินค้าคุณดีอย่างไง ทำไมผมต้องซื้อหล่ะ
สร้างผมให้คิดได้ตลอดสำหรับผู้ชายนนี้
Stock Market
ตลาดรีบาว ตามที่เส้นเทรนไลน์บอกไว้แต่ไม่รู้ว่าจะเด้งไปไกลแค่ไหนนะ ส่วนตัวมองว่านี่คือจังหวะ ที่น่าสนใจ ของคนที่อยากจะลงทุนกับพวกแบงค์ต่าง ๆ หรือจะรอประกาศงบไตรมาสสองก่อนดี
Dimet มาตามนัด แต่กการพักตัวสั้นๆ อาจจะมีให้ลุ้นแค่แท่งเดียว อย่าจั่วดอย ท่องไว้ อย่าจั่วดอย
Synex ลูกรักในที่สุดก็เกิดจุดวกกลับของราคา วาง stop loss ไว้ที่ตรงนี้ละกัน 4.46 ตอนแรกคิดว่าจะไปกลับตัวที่ 4.40 ตามอดีตปกติชอบกลับตัวแถว 38.2% พอดี (จากครั้งก่อน)
English for today
วันนี้พยามที่จะฝึกภาษาอย่างจริง ๆ จัง ๆ สักที เลยตัดสินใจจะอ่านข่าวเศรษฐกิจจาก Bloomberg วันละ 1 ข่าว แล้วจดลงในสมุด (จำด้วยการเขียน) รู้สึกว่าอ่านข่าวจาก Bloomberg ไม่ยากเหมือนอ่าน Paper เลย เป็นเพราะคนเขียน เขียนให้อ่านง่ายรึป่าว
Main Quest
วันนี้พยามทำงานที่ได้มาให้เสร็จภายในวันตามที่ได้ตั้งใจไว้แต่ก็ไม่เลย มันยังติดปัญหาการใช้งานโปรแกรมบางส่วน เลยวางแผนว่าจะ โทรไปปรึกษาเจ้าหน้าพรุ่งนี้
หลังจากนั้นลอง save paper ของรุ่นพี่ที่อาจารย์แนะนำแล้วเอามาอ่่าน (ยากฉิบหาย) แต่คงต้องค่อยๆฝึกกันไป จะอ่านยังไงดี วางแผนแปบ
ต่อมาทำการติดต่อลูกศิษย์อาจารย์ซึ่งตอนนี้เป็นอาจารย์อยู่มหาลัยอื่นแล้ว ว่าโปรเจคที่ทำมันติดปัญหานิดหน่อยอยากให้ช่วยดูงาน อาจารย์สะดวกให้คำปรึกษาวันไหน สรุป คือ ช่วงวันจันทร์
Summary
วันนี้พอได้อ่านหนังสือ แล้วก็คิดถึงคำถามนึงที่มีคนถามได้ว่า อยากทำธุรกิจไหม? ตอนนั้นตอบไปว่า อยาก แต่ไม่ใช่ตอนนี้ เพราะไม่อยากทำธุรกิจที่สนใจแค่เงินตรงหน้า วันนี้อ่านหนังสือไปครึ่งเล่มเหมือนมาเติมเต็มคำตอบที่ค้างในใจได้ว่า "ธุรกิจ อยากทำ แต่อยากทำธุรกิจที่มันเป็นการทำสิ่งที่รักแล้วได้ช่วยแก้ไขปัญหาให้คนอื่นไปด้วยได้ไหม ไม่ใช่ทำแค่ธุรกิจที่แก้ไขปัญหาเรื่องเงินในกระเป๋าสตางค์ของตัวเองเท่านั้น" มันอาจจะฟังดูสวยหรูแต่ผมเชื่อว่ามันทำได้จริงๆ ช่วงหัวค่ำก็ได้ไปนั่งกินชาเล่าเรื่องนู้นเรื่องนี้กับ พิพัฒ เพื่อนที่อยู่ต่างคณะ (ศิลปศาสตร์ เอกจีน) แต่คนนี้มีความคิดไม่ธรรมมดาไว้เดี๊ยวจะมาเล่าให้ฟังว่าไม่ธรรมดายัง คร่าว ๆ คือ ไม่ขอตังที่บ้านใช้ทำงานหาตังเองทุกบาท ซื้อรถเอง แม้จะดูเก่าแต่พอมันเล่าว่าได้รถมายังไง แหม รถมันนี่โครตเท่ห์เลย รู้สึกถึงเรื่องราวทุกครั้งที่ได้นั่งรถมัน เดี๊ยวจะนอกเรื่องไปไกล มันมีประโยคนึงที่ พัฒ พูดออกมา(ซึ่งมันเล่าว่ามันไปทำอะไรมาเยอะมากเลยนะแต่มันเหมือนจะเป็นสารคดีชีวิตพัฒเกินไปขอตัดให้เหลือแต่ส่วนที่เป็นส่วนที่เป็นปรัชญาที่มันกลั่นมาจากประสบการณ์ละกัน) แล้วรู้สึกว่ามันสะกิดอะไรบางอย่างในใจ คือ "มึงโลกมันเปลี่ยนไปเร็วมาก มึงเอาวิธีการแก้ปัญหาเก่ากลับมาใช้ไม่ได้แล้วเว๊ย แม้มันจะเป็นปัญหาเดิม" คำพูดมันทำให้ผมคิดว่า จริงเหรอ ? ....
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น