วันเสาร์ วันหยุด
แต่สำหรับพวกเรา... ไม่ใช่
วันนี้มี Activity ของ อาจารย์ว่าจะไปพาไปดู พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ของ เมืองโกเบ
นอกจากจะเล่าถึงเรื่องราวต่างๆของวิทยาศาสตร์มากมาย
เดินทางก็สะดวก รถไฟฟ้าไปได้ทุกที
รู้สึกว่าดี ที่มีที่ท่องเที่ยวเยอะแบบนี้
สิ่งที่ประทับใจที่สุดก็คงหนีไม่พ้นคนญี่ปุ่น ...
ได้ไปนั่งดู เจ้าหน้าที่อธิบาย และทดลองเกี่ยวกับการสั่นสะเทือนเพื่อให้เกิดเสียง และมีน้องคนนึงนั่งวิวแชร์มา พิธีกรก็ค่อยเล่าค่อยๆอธิบายแถวเข้าไปให้น้องทดลองดึง พ่อกับแม่น้องเขาก็เอาใจช่วย ดูแล้ว อบอุ่น จริงๆ
พอเที่ยงเราก็แยกย้าย ตอนแรกตกลงกันว่าไป Steak land (แถวยาวมาก) เพื่อกินเนื้อโกเบ เนื้อวัวในตำนานกัน แต่ก็มีบางคนไม่กินเนื้อกลุ่มเราก็ต้องแตกเป็น 2 กลุ่ม อีกจนได้
และแน่นอน เพื่อนก็ต้องไปด้วยกัน เหลือ 3 คนเช่นเดิม จ๊อบ พลอย แล้วก็พี่กี้ พลอยแม่งไปซื้อน้ำยาล้างเล็บ เราก็เป็นห่วงเลยให้พร่กี้ไปเป็นเพื่อน แต่ตอนนั้นยังรวมกันอยู่คิดว่ายังไงก็มี wifi ใช้ แต่ไม่!!
อยู่ๆน้องก็ไม่กินกัน เลยต่อแถวคนเดียวเลย เปลี่ยวจริงๆ
สุดท้ายก็มากันแล้วเราก็ได้กินเนื้อโกเบสมใจ
พอเข้าไปในร้าน ก็จะนั่งเป็นชุดๆและเชฟทำเป็นรอบๆ
จะมาทำที่หน้าเรา
ปกติเขาเสริฟ Appetizers ก่อนได้แก่ สลัด น้ำซุป ผักดอง
จากนั้นเชฟถึงจะมาทำให้กินต่อหน้าเป็น เนื้อโกเบ + กระเทียมทอด (ซึ่งอร่อยมาก)
ตามด้วยถั่วงอกกับอะไรเขียวสักอย่างตามลงไป
จากนั้นก็ซัด
ขนาดคนไม่กินเนื้อตั้งแต่เด็กยังบอกว่าอร่อยเลย
นุ่มและรสชาติดีมาก
จากนั้นเราก็นัดเจอกันแล้วแยกเป็น 2 กลุ่มโดยสาวๆ 3 คนไปช๊อปปิ้ง
และที่เหลือตัดสินใจไปเขา ROKKO กัน
เวลาไปก็ไม่ยากนั่งรถจาก shinnomiya กลับมาที่ rokko
จากนั้นต่อรถเมย์สาย 16 สุดสายเป็นอันถึง
ถ้าเราเอาแต่กระเช้าไปกลับอย่างเดียว เสียค่ากระเช้า 1,000
แต่เราเลือกแพคเกจ มีรสบัสจอดแวะที่ต่างๆ บน เขาได้ แล้วก็ ไปส่งที่จุดชมวิวและไปรับที่จุดชมวิว
ไปกลับรวมสองอย่าง 1,350 ถือว่าปลอดภัยสำหรับมือใหม่ชัวเพราะเราไม่รู้ว่าจากที่กระเช้าส่งมันไกลแค่ไหนกว่าจะถึงยอด
ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีเราก็ถึงปลายทางของสลิง
ต่อมาเราก็ขึ้น shuttle bus โดยป้ายแรกที่เราตกลงจะแวะคือ
Hall of Halls เป็นพิพิธภัณฑ์ กล่องดนตรี น่าเข้ามากแต่ต้องเสียอีก 1,000 กว่าเยน สมาชิกเลยตกลงกันว่า ...ไม่
จากนั้นเดินต่อรู้สึกว่าเดินไกลแต่ระยะทางที่ได้ไม่ไกลเหมือนที่เดินเลย เวลานับระยะเป็น กิโล ต้องบอกว่า เป็น กิโลเมตรธรรมดา หรือกิโลเมตร-ดอย
พอเจอป้ายรถเท่านั้นแหละ
แล้วเราก็รอรถบัส ไม่นานก็มา
สุดท้ายก็ถึง .... จุดชมวิว
วิวสวยมาก แต่แสงถ่ายรูปยากมาก ร้านค้าด้านก็ทำดี ... แต่โครตแพงเลย
แต่ก็ซื้อกิน ไม่ใช่กินเพราะหิวนะแต่กินเพราะอยากลองกินชิวๆบนที่สูงมั่ง
พอลองเท่านั้นแหละ .... ลืมยอดใบหยกไปเลย อากาศดีกว่ามากยิ่งเย็นๆ นะ ยิ่งกิน วิวยิ่งสวย เลยจะราเมงร้อนๆ กับเบียร์ เบียร์อร่อยแต่พอกินกะราเมงแล้วแม่ง!!!
ตอนนี้เริ่มรู้ตัวว่าแยกกับนอกละ พอกินเสร็จก็เริ่มเดินตามหาน้อง
แต่ก็พบว่าสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ ..... ตั๋วที่ใช้ไปกลับหาย
ชิปหายละ (คิดในใจ) ลงจากเขาไม่ได้แน่ หายยังไปเจอที่หอได้แต่นี่ตั๋วหาย ชิปหาย
จากนั้นดูโทสัพก็พบข่าวร้ายอีกว่า .... เปิดไม่ติดไม่ว่าพยามจะชาตเท่าไรก็ตาม
เลยลองเดินกลับไปตามทางที่มาเพื่อหา ตั๋วที่หายไป
สรุป ....อยู่ตรงที่นั่งกินราเมงแหละ ตกอยู่ที่พื้น
แปลกใจมาก เพราะว่า ตรงนั้นมันลมแรงมาก แล้วเป็น open air แต่ตั๋วไม่หายไปไหน แถมยังอยู่นิ่งๆ
โครตโชคดี ขอเก็บภาพไว้หน่อยละกัน
แล้วโชคดีก็มาต่อเนื่อง เพราะดันเจอกับน้องพอดี นึกว่าจะไปเจอกันที่ห้องซะแล้ว
พอเวลาเลยทุ่มนึงไปบรรยากาสแม่งโครตดีเลยครับ
วิวดีมากเลยแต่กล้องดันแบตหมด
เซงเลย
พรุ่งนี้ อาจารย์นัดแปดโมงรีบไปนอนดีกว่า
สุดท้ายก็มากันแล้วเราก็ได้กินเนื้อโกเบสมใจ
พอเข้าไปในร้าน ก็จะนั่งเป็นชุดๆและเชฟทำเป็นรอบๆ
จะมาทำที่หน้าเรา
ปกติเขาเสริฟ Appetizers ก่อนได้แก่ สลัด น้ำซุป ผักดอง
จากนั้นเชฟถึงจะมาทำให้กินต่อหน้าเป็น เนื้อโกเบ + กระเทียมทอด (ซึ่งอร่อยมาก)
ตามด้วยถั่วงอกกับอะไรเขียวสักอย่างตามลงไป
จากนั้นก็ซัด
ขนาดคนไม่กินเนื้อตั้งแต่เด็กยังบอกว่าอร่อยเลย
นุ่มและรสชาติดีมาก
จากนั้นเราก็นัดเจอกันแล้วแยกเป็น 2 กลุ่มโดยสาวๆ 3 คนไปช๊อปปิ้ง
และที่เหลือตัดสินใจไปเขา ROKKO กัน
เวลาไปก็ไม่ยากนั่งรถจาก shinnomiya กลับมาที่ rokko
จากนั้นต่อรถเมย์สาย 16 สุดสายเป็นอันถึง
ถ้าเราเอาแต่กระเช้าไปกลับอย่างเดียว เสียค่ากระเช้า 1,000
แต่เราเลือกแพคเกจ มีรสบัสจอดแวะที่ต่างๆ บน เขาได้ แล้วก็ ไปส่งที่จุดชมวิวและไปรับที่จุดชมวิว
ไปกลับรวมสองอย่าง 1,350 ถือว่าปลอดภัยสำหรับมือใหม่ชัวเพราะเราไม่รู้ว่าจากที่กระเช้าส่งมันไกลแค่ไหนกว่าจะถึงยอด
ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีเราก็ถึงปลายทางของสลิง
ต่อมาเราก็ขึ้น shuttle bus โดยป้ายแรกที่เราตกลงจะแวะคือ
Hall of Halls เป็นพิพิธภัณฑ์ กล่องดนตรี น่าเข้ามากแต่ต้องเสียอีก 1,000 กว่าเยน สมาชิกเลยตกลงกันว่า ...ไม่
จากนั้นเดินต่อรู้สึกว่าเดินไกลแต่ระยะทางที่ได้ไม่ไกลเหมือนที่เดินเลย เวลานับระยะเป็น กิโล ต้องบอกว่า เป็น กิโลเมตรธรรมดา หรือกิโลเมตร-ดอย
พอเจอป้ายรถเท่านั้นแหละ
แล้วเราก็รอรถบัส ไม่นานก็มา
สุดท้ายก็ถึง .... จุดชมวิว
วิวสวยมาก แต่แสงถ่ายรูปยากมาก ร้านค้าด้านก็ทำดี ... แต่โครตแพงเลย
จากนั้นบริเวณข้างๆจุดชมวิว จะเป็นร้านค้าขายอาหารกับเครื่องประดับ (ก็แพงอีกเช่นกัน)
พอลองเท่านั้นแหละ .... ลืมยอดใบหยกไปเลย อากาศดีกว่ามากยิ่งเย็นๆ นะ ยิ่งกิน วิวยิ่งสวย เลยจะราเมงร้อนๆ กับเบียร์ เบียร์อร่อยแต่พอกินกะราเมงแล้วแม่ง!!!
ตอนนี้เริ่มรู้ตัวว่าแยกกับนอกละ พอกินเสร็จก็เริ่มเดินตามหาน้อง
แต่ก็พบว่าสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ ..... ตั๋วที่ใช้ไปกลับหาย
ชิปหายละ (คิดในใจ) ลงจากเขาไม่ได้แน่ หายยังไปเจอที่หอได้แต่นี่ตั๋วหาย ชิปหาย
จากนั้นดูโทสัพก็พบข่าวร้ายอีกว่า .... เปิดไม่ติดไม่ว่าพยามจะชาตเท่าไรก็ตาม
เลยลองเดินกลับไปตามทางที่มาเพื่อหา ตั๋วที่หายไป
สรุป ....อยู่ตรงที่นั่งกินราเมงแหละ ตกอยู่ที่พื้น
แปลกใจมาก เพราะว่า ตรงนั้นมันลมแรงมาก แล้วเป็น open air แต่ตั๋วไม่หายไปไหน แถมยังอยู่นิ่งๆ
โครตโชคดี ขอเก็บภาพไว้หน่อยละกัน
แล้วโชคดีก็มาต่อเนื่อง เพราะดันเจอกับน้องพอดี นึกว่าจะไปเจอกันที่ห้องซะแล้ว
พอเวลาเลยทุ่มนึงไปบรรยากาสแม่งโครตดีเลยครับ
วิวดีมากเลยแต่กล้องดันแบตหมด
เซงเลย
พรุ่งนี้ อาจารย์นัดแปดโมงรีบไปนอนดีกว่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น