13 days in Japan
วันนี้เริ่มต้นจาก.. การตื่นแบบเกือบสาย ก่อนเวลานัดครึ่ง ชม.
เป็นบทเรียนที่ดีบทเรียนนึงในการมาที่เลย คือ ปกติจะนอนกับน้องคนนึง ชื่อ เจม
แล้วไอ้เจมเนี่ยแม่งเป็นคนที่ปลุกตรงเวลามาก ช่วงหลังเลยไม่ตั้งเวลาปลุกแต่วานให้เจมปลุกตลอด
ปลุกตรงอย่างกับนาฬิกาปลุก ตรงเวลามาก ..... แต่วันนี้เจมปลุก แล้วพูดว่า "พี่จ๊อบๆ" เสียงเข้มๆ
ปกติจะเสียงนิ่มๆ "ตื่นเร็ว เจมเผลอหลับ" ชิปหายละ.. คิดในใจกะว่าวันนี้จะเป็นวันแรกที่ได้อาบน้ำสระผมตอนเช้า สงสัยต้องท่าเดิมอีกละ
วันนี้เราจะไปที่ Yanmar Museum ที่ Nagahama ซึ่งไกลพอตัว ต้องนั่งผ่าน Kyoto แล้วถึงจะถึงเมืองนี้ อาจารย์เลยจัดให้ขึ้น shinkansen ตื่นเต้น รถไฟในตำนาน (แต่ไม่นึกว่าการขึ้นรถไฟด้วยความรู้สคกตื่นเต้นจะทำให้คนเข้าใจผิดได้ด้วย) และแล้วก็ขอวัดกับความเร็วซะหน่อย ถ่ายรถไฟที่เร็วที่สุดของญี่ปุ่นหน่อยซิ ขณะกำลังเข้าชานชาลา
พอขึ้นไปรู้เลยว่า ญี่ปุ่นมีเครื่องบิน 2 แบบ คือ หนึ่งเครื่องบินที่บินบนฟ้า กับเครื่องบินบนดิน คือ shinkansen เข้าไปเบอะสบายกว่าเครื่องบิน ซึ่งดีกว่ารถไฟทั่วไปอยู่แล้ว มีเลื่อนเบอะข้างหน้าออกมาเป็นที่กินข้าวได้เหมือนในเครื่องบิน บนตั๋วมีเลขที่นั่ง ว่าต้องตรงไหน
ใช้เวลาไม่นาน 40 นาทีเราก็ถึง Nagahama ซึ่งเราต้องเดินต่อไปอีก 2 km ก็จะถึง museum ซึ่งเป็นการเดินที่คุ้มค่ามากเพราะสองข้างทางมัน.... มันมีแต่แบบนี้
อาจารย์เล่าให้ฟังว่าเขาอนุรักษ์ไว้พวกนี้เป็นบ้านเมื่อ 300 ปีก่อน แบบสวยนทุกหลัง งามมาก
แล้วเราก็ถึงที่หมาย
เข้าไปสิ่งแรกที่โชว์ด้านในคือเครื่องยนต์ดีเซลโบราณเครื่องหนึ่งที่ต้องบอกว่า อลังการมาก
จากนั้นอาจารย์คาวามุระก็เอาตั๋วมาให้เรา แล้วก็ถึงเวลาทำลายที่นี่กันแล้ว เอ่ย ชมเฉยๆ ดีกว่า
เข้าไปเขาให้ดู หนังแนะนำเรื่องนึง เป็นหนังแนะนำ Yanmar ซึ่งทำมาดีมาก ดีกว่าหนังบางเรื่องซะอีก
แต่ดูก่อนหนังฉายทุกคนแล... ง่วง
หลังจากนั้นเราก็เข้าไปตัวของ Museum ...
เป็น Museum ที่ชอบที่สุดในทริบนี้เลย ... นอกจากสถานที่ ที่ดีแล้ว ยังประใจคนๆนึงมากด้วย คน คนนั้นคือ ลุง
ลุงใจดีมาก ...มันจะมจุดที่ให้เราทำเข็มกลัดด้วยตัวเอง พอเราทำเสร็จก็มาเจอลุง ลุกก็เหมือนถามเราว่าได้เข็มกลัดแบบไหน ของเราเป็นสีไข่ๆ ลุงแกะจากคอแกให้อีก 3 อัน ครบ 4 สีพอดี แล้วลุแกก็พาไปเล่นนู่นเล่นนี่ บางทีก็ยืมกล้องไปถ่ายตอนเล่นให้ ไม่รู้จะเขียนอธิบายคำว่าถูกโฉลกกับลุงยังไงดี สุดท้ายขอลุงถ่ายรูปคู่หน่อยดีกว่า
จากนั้นเราก็กลับจาก Museum กัน โดยตกลงว่าจะไปืั้ Kyoto ไปดูวัด Kiyomizu (วัดน้ำใส)
สนับสนุนโดย อาจารย์ Kawamula อีกเช่นเคย ตามไปส่งเราถึง Kyoto
หลังจากเดินทางมาถึงสถานีเกียวโตเราก็ต้องต่อรถเมย์ไป เป็นครั้งที่สองในญี่ปุ่นที่ได้ขึ้นรถเมย์
ระหว่ารอรถ....
พอเรามาถึงวัดน้ำใสก็ต้องเดินขึ้นไปอีก ไม่ใช่ว่าจะไปได้ง่ายๆนะเนี่ย
ระหว่างไปเที่ยวเจอสองคนนี้เขาวานถ่ายรูปให้ บอกได้เลยมีความสุขมาก
เลยขอถ่ายรูปเขาไป 3-4 รูป
จุดถ่ายรูปยอดฮิต แต่ก่อนเข้าโซนด้านในต้องเสียตัง 300 เยน เป็นค่าเข้าก่อน ไหนๆมาแล้ว จัดสักหน่อย
ตอนนี้เหลือสามคนอีกแล้ว แวะหาไรกินบนนี้แหละ หลังจากเดินชมจนอิ่ม รูปเยอะมาก แล้วก็เดินลงดีกว่า วันนี้อยากไปนับบะ แหล่งช๊อบปิ้งของโอซาก้า
BYE BYE KYOTO
นั่งข้ามจังหวัดมันนานจริงๆ นะ หลับไปสองตื่น เราเดินทางกันเกือบ ชม. เราก็มาถึงสถานี osaka จากนั้นก็มั่วรถไฟไปนับบะกันพักนึง .... ช่วงนี้กินเวลานาน แต่ในที่สุดเราก็มาถึงจนได้ ด้วยความที่พลาดไม่นั่งใต้ดินกันมาเลยต้องเดินกันไกลกว่าจะถึง ดงธนบุรี
ตอนนั้นอากาศเริ่มเย็น แล้วไข้เหมือนจะขึ้น และแบตหมด... จบกัน
ช่วงนั้นทรมาณเบาๆ แล้วก็เดินทางกลับกลับมาก็..... หลับเป็นตาย