วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558

seminar คาบแรก จุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจ

Friday , 28 / 08 / 2015

        seminar คาบแรกวันนี้เริ่มเรียน 9:30 ตอนแรกลังเลว่าจะเข้าหรือไม่เข้าดี ตอนนั้น 9:30 แต่ก็ยังไม่มั่นใจ สรุปตัดสินใจ ไปดีกว่า เพราะถ้าไม่ไปมองย้อนกลับมาน่าจะเสียดายมากๆแน่
        อาหารมื้อเช้าวันนี้หนีไม่พ้นกาแฟ จริงๆมื้อเช้าเป็นมื้อที่ต้องกินเยอะสุดเพราะเราจะต้องใช้มันไปทั้งวัน แต่บางวันมันก็จำเป็น (เนื่องจากการนอนดึกของตัวเองแท้ๆ)
        9:45 เปิดประตูเข้าไปแทนที่จะพบกับ อ.ซุป แต่ดันเจอหัวหน้าภาค OMG ไม่น่าเชื่อว่าจะซวยแบบนี้กะว่าชิวๆ อ.บรรยงค์ถามว่า "คุณไม่ได้ลงวิชานี้เหรอ" "อ่อ มา sit in ครับ" "ต่อไปคุณมา sit ทุกคาบนะ" "ชิปหาย" อันนี้คิดในใจ หาเรื่องใส่ตัวไหมเนี่ยนอนสบายๆไม่ชอบ
        พอ อ. เริ่ามบรรยาย ไอ้ความรู้สึก "ซวย" หายไปเว่ย คือ เคยเรียนกะแกมาหลายครั้งแล้วแต่ครั้งนี้รู้สึกแกพูดดดีกว่าทุกครั้ง เริ่มจากการอธิบายหลักสูตรว่าจะจบต้องผ่านอะไรบ้าง มีอะไรที่คุณต้องการบ้าง... ส่วนใหญ่แกอธิบายแต่ ป.โท (ก็มันวิชาป.โทนี่) แกก็อธิบายว่า จะจบโทเนี่ยทางเรา ต้องการอะไรบ้าง course work กี่ตัว เกรดเท่าไหร่ (ห้ามต่ำกว่าสามนะจ๊ะ) หลักสูตร 2 ปี แต่ให้เต็มที่ได้ 6 ปี อันนี้เด็กเงื่อนไขที่สำคัญ คือ ตีพิมพ์ 1 paper หรือ 1 conference ซึ่ง conference ง่ายกว่า อาจารย์ก็อธิบายหลังเราส่งหัวข้อไป จะเหลือเวลาทำกี่เดือน (2เดือน) ต้องส่งอย่างช้าเท่าไหร่ ต้องสอบ proposal เมื่อไหร่ progress เมื่อไหร่ สอบจบตอนไหนถึงจะสองปีพอดี เห่ย คุยไปคุยมาไฟลุกเว่ย อยากรีบจบเร็วๆเลย เร่งวางแผนแป๊บ (paper ไม่เริ่มอ่านจะใกล้ความจริงไหม)
        ต่อ อ. พูถึงเรื่องแลปต่างๆ การใช้ชีวิตในฐานะนักวิจัยว่า "การที่คุณจะหาแนวทางของตัวเองเจอคุณต้องจบไปแล้ว 4-5 ปี ถึงจะเริ่มมีแนวทางของตัวเอง พอคุณจบคุณนึกว่าคุณเก่ง คุณนึกว่าคุณรู้แต่จริงๆไม่รู้" "ยิ่งเรียนแล้วรู้สึกว่าตัวคุณโง่ลง แสดงว่าการเรียนเริ่มประสบความสำเร็จละ" "คุณมาเรียนไม่ใช่ไปทำงานวิจัยแบบเดิมๆ เลียนแบบ อาจารย์คุณนะเว่ย คุณมาเอาวิธีการทำ (research methodology)" "การที่คุณจะประสบความสำเร็จคือถ้าเขาพูดถึงเรื่องนี้ชื่อคุณเป็นชื่อแรกๆที่เขานึกถึงไหม หรือเป็นแค่คนข้างๆอาจารย์คุณ" แต่ละคำโดนๆทั้งนั้น
        ก่อนจบอาจารย์ยังเล่า ประสบการการไปเรียนที่ illinois อเมริกา เรียน โท-เอก เป็นเวลา 6 ปี ว่าเป็นไงมาก ชนชั้นในอเมริกา ระบบการให้การบ้านที่ๆนู่นฮิตมาก คือ การบ้านจะยากกว่าข้อสอบ ฝรั่งเขาไม่ค่อยลอกกัน อารมณ์แบบความรับผิดชอบสูง เรียนมันมาก อ. บอกที่นู่นตอนเรียนเป็น 1-5 ม. ที่แพงสุดที่อเมริกา หน่วยกิตละ 1,000 $ ตกวิชาละแสนบาท "ผมดรอปไป 1 ตัว" บอกแล้วก็หัวเราะ คืออะไรอาจารย์ เห่ย ทำไมเล่าไปเล่ามาชีวิตดูมีสีสันจังวะ อยากใช้ชีวิตอย่างนี้บ้าง ที่สำคัญคือ อาจารย์จบพระนครเหนือมา คุยไปคุยมา อ่าว อาจารย์เป็นเด็ก ปวช. รุ่นแรก .... ชิปหายเจอศิษย์พี่ PMT 01 ดันเป็นรุ่นที่ 22 แถมแยกมาเป็น FO อาจารย์จะเข้าใจไหมเนี่ย ..
        สรุปสุดท้าย... อาจารย์พูดไว้ตอนนึกว่าเวลาคุณเลือกหัวข้อสำหรับวิจัย คุณต้องเลือกเรื่องที่สำคัญ อย่างแรกคุณต้องรู้ว่าจะทำฟิวไหน สองคุณต้องไปรีวิวงานที่คนอื่นเขาทำมาแล้วหากรอบของงานคุณให้เจอจากตัวเลขทางสถิติ สามคุณถึงจะเริ่มมาเจอะลึกตัวงานอาจจะต้องอ่านเชิงลึกทั้ง paper สิทธิบัตร และต่างๆอีกมากมาย  ที่สำคัญคุณต้องเลือกอะไรที่ส่งผลต่อสังคมในวงกว้าง เพราะไหนคุณเหนื่อยแล้วก็ให้มันคุ้มค่าหน่อย
ปล.อาจารย์บอกอีกว่า เราเป็นวิศวกรนะเว่ย มันต้องเอาไปใช้ได้จริง อ. บอกงี้

เป็นคาบที่คุ้มค่ามากเลย ....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น