วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เทคนิคการเปลี่ยนสภาวะจิตใจ

วันจันทร์ที่ 19 ต.ค. 2558

01:15 หลังจากที่เขียนสิ่งต่างๆที่ต้องทำระหว่างเดือนตุลาคมและเดือนพฤศจิกายนลงในกระดาษและปักไว้ที่กระดานไม้ก๊อกประมาณ 11 ใบ แต่ละใบแทนแต่ละเป้าหมาย

ความคุกรุ่นของอารมณ์และสภาพจิตใจเมื่อวานต่างจากวันนี้ชัดเจน จากสภาพผิดหวังท้อแท้เปลี่ยนเป็นมุ่งมั่น ทุ่มเท และกระหายความสำเสร็จ

ปัจจัยสำคัญในการเปลี่ยนแปลงมี 3 อย่างด้วยกัน

1 มีเวลาอยู่กับตัวเอง การอยู่กับตัวเองเงียบความจริงมันคือเวลาที่ดีที่สุดในการคุยกับตัวเอง คุยเพื่อที่จะได้รู้ว่าตอนนี้ ทัศนคติเราเป็นอย่างไร คุยเพื่อที่จะได้รู้ว่าตอนนี้เราต้องการอะไร คุยเพื่อที่จะรู้ว่าตอนนี้มีอะไรที่เราไม่ชอบบ้าง อะไรคือปัญหาของเรา แล้วเราจะแก้ไขสิ่งที่เป็นอยู่อย่างไร จะเคลื่อนไปทางไหน คือ ต้องคุยกับตัวเองให้เคลียร์ ให้ชัดเจน เวลาทำอะไรมันจะไม่เกิดสิ่งที่เรียกว่า "วิจิกิจฉา" หรือ ความลังเลสงสัย เราจะได้ใช้พลังได้เต็มที่ ขั้นตอนนี้เหมือนเป็นการปลดล็อกความสามารถของตัวเอง ไม่งั้นเราจะพัฒนาต่อไปได้ยากมาก

2 การได้รับแง่คิดดีๆจากสิ่งรอบตัว คราวนี้เป็น คลิป ของพี่ต้าน mudley group มันมีช่วงหนึ่งที่พี่เขาพูดว่า "ถ้าน้องอยากจะเก่ง น้องเก่งแค่ไหนก็ได้ เก่งอะไรก็ได้ ถ้าตั้งใจจริง" มันไม่ใช่ประโยคที่ไม่เคยได้ยิน เป็นประโยคที่ได้ยินบ่อยๆ ใครๆก็พูดกัน แต่ทำไมมันก้อฃในหัวเราจัง ถึงมีคนเคยกล่าวไว้ว่า "ถ้าอยากดูว่าเขาเป็นคนเช่นไรให้ดูหนังสือที่เขาอ่าน และดูคนที่เขาคบ" ต่อไปคงต้องเพิ่มว่าดู facebook ที่เด้งบน timeline บ่อยๆกับ youtube ที่เขา subscribe ไว้ 

"สิ่งแวดล้อมที่เราอยู่มักจะเปลี่ยนแปลงเราให้เข้ากับมัน ไม่อย่างนั้นเราก็เปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมให้เข้ากับเรา" 

3 timing สภาวจิตใจที่ตอบรับพอดี ในช่วงที่เวลาที่คุยกับตนเอง ช่วงที่ครุ่นคิด ช่วงที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภายนอก แล้วเอาตกผลึก ต้องเกิดในเวลาที่เหมาะสมจึงจะสามารถเปลี่ยนอารมณ์และสภาพจิตใจได้ทันที เวลาที่เหมาะ คือ พึ่งตื่น กับ ใกล้จะหลับ ช่วงเวลานั้นจิตใต้สำนึกมักจะมีกำลังสูงเป็นช่วงที่เชื่อหรือคล้อยตามอะไรที่เข้ามากระทบได้อย่างง่าย 

ข้อควรระวัง ต้องมั่นใจในระดับนึงว่าก่อนหน้านั้นได้ซึมซับสิ่งที่ดีๆหรือแรงบัลดาลใจดีๆมา เพราะได้ความคิดที่ไม่ดีมาเป็นส่วนใหญ่มันจะกลับเป็นการฝังความคิดเหล่านั้นให้กับสมองเรา (ดาบสองคม)

ปล. ไม่ต้องกังวลกับความคิดลบมากไป มีบ้างก็ถือเป็นเรื่องปกติให้จดจ่อกับสิ่งที่สนใจพอแล้วเดี๊ยวสมองเขาจัดการเอง

ราตรีสวัสดิ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น