วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2558

15 April 2015

วันพุธ

      วันสงกรานต์วันสุดท้าย คาดว่ารถที่ปั๊ม(บ้าน) จะเยอะกว่านี้แต่กลับไม่เยอะอย่างที่คิดน่าแปลก... วันนี้ก็ช่วยเด็กเติมน้ำมันนิดหน่อยต่อด้วยอ่าน Harry ต่อจากเมื่อวาน ถือว่าไม่มีการพัฒนาเมื่อวานอ่านไป 3 หน้า วันนี้ได้เพิ่มอีก 3 ค่อยๆเก็บละกันนะ จริงวันนี้ก็ไม่มีอะไรมากอยากมาเน้นเรื่อง MM (money management) กันหน่อย เพราะถือเป็น skill ที่จำเป็นสำหรับการอยู่ในตลาด เป็นโล่บล็อก damage เวลาเราพลาดยิ่ง ถ้ารู้ตัวว่าเป็น Hero สายบู๊จำเป็นมาก โดย skill MM มีหลายสาย สามารถอ่านได้ตามหนังสือทั่วไป ตอนแรกที่เราเข้าตลาดมาเข้าใจว่าการ stop loss คือ MM แต่เราเข้าใจผิด มันเป็นส่วนประกอบหนึ่งเท่านั้น เรียกได้ว่าตอนเข้ามามี stop loss เป็นโล่ว่าเอาอยู่แล้ว แต่ถ้าเจอ boss เกราะที่คิดว่าแข็งอาจจะแตกได้ ดังนั้นยิ่งผจญภัยนาน ยิ่งต้องอัพเกรดอาวุธ อัพเกรดเกราะไปเรื่อย ที่จะเล่าถึง MM นี่เป็นแค่เกราะเหล็กธรรมดา ถึงจะไม่ได้แข็งที่สุดแต่ถ้าเทียบกับเกราะไม้(stop loss)ก็แข็งกว่าหลายเท่า เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า MM ที่เราใช้ประจำเป็นฉบับดัดแปลงจากหลายตำรา โดยปกติพวกฝรั่งชอบใช้ risk 2% ของพอต แต่เราไม่ค่อยใช้ตามเพราะมันทำให้พอตโตยาก  เราเลยเลิก risk สำหรับในการทำ MM ไว้ 4 ช่วงก่อนจะมาบอกว่าคืออะไร ขออธิบายก่อนว่า risk ที่พูดถึงคืออะไร

risk ที่พูดถึงมาตลอดในที่นี้คือ risk of portfolio หมายความว่าทั้งพอตมีเงินเท่าไรที่เราจะเอาไปเสี่ยงได้ จะพูดเป็น เปอร์เซ็น หรือจำนวนเงินก็แล้วแต่ ปกติตำราฝรั่งชอบใช้ risk 2% หมายความว่าถ้าทั้งพอตเรามีเงิน 100,000 บาท เราเอาไปเสี่ยงได้ 2,000 บาท คำว่าเอาไปเสี่ยงไม่ใช่เอาไปใช้หลายๆคนเข้าใจผิด ที่นี้เรามาพูดกันต่อว่าเวลาเอาไปเสี่ยงหมายความว่ายังไง

สมมติจากตัวอย่างด้านบนว่าพอตเรามีเงิน 100,000 บาท แล้วเราจะควบคุม risk ที่ 2% ของพอตหมายคว่าเราสามารถนำเงินไปเสี่ยงได้ 2,000 บาท ทีนี้ถ้าเราต้องการซื้อหุ้น AAA ที่ราคา 5 บาท แล้วมองว่าถ้าราคายังไม่หลุด 4.80 ราคาหุ้นก็น่าจะวิ่งไปต่อเรื่อยๆ เราก็เลยเอา 4.80 เป็น stop loss (คราวนี้เราจะไม่พูดถึง stop loss กัน มันมีเทคนิคในการตั้งเยอะมาก) ดังนั้นความเสี่ยงต่อหุ้นของหุ้น AAA คือ

ราคาที่ต้องการซื้อ - ราคา stop loss  =  5.00 - 4.80  =  0.20  บาทต่อหุ้น

ถ้าเราต้องการซื้อ AAA ตัวเดียวก็ง่ายมาก เราก็เอา risk ของทั้งพอตที่เรามีหารด้วยความเสี่ยงต่อหุ้น

=  risk of port / risk for one stock  =  2,000 / 0.20  =  10,000 หุ้น

แสดงว่าต้องใช้เงินในการซื้อครั้งนี้  = 10,000 x 5.00 = 50,000 บาท พอซื้อเสร็จก็เกิดคำถามในใจว่า แล้วเงินที่เหลืออยู่ทำไง ก็บอกตามตรงนะครับว่าต้องรอ ถ้าเราคิดถูกหุ้น AAA ก็จะค่อยๆวิ่งขึ้นใช่ไหมครับ แล้วถ้าหุ้นค่อยๆขึ้นเราจะยอมล็อก stop loss ไว้ที่เดิมไหม ก็ต้องขยับตามไปด้วยใช่ไหมครับ เช่น ถ้า AAA ขึ้นไปที่ 6.00 บาท แล้วเราจะยอมขายเมื่อมันลงมา 4.80 บาท ก็ไม่ใช่ มันบาทนะครับขึ้นไปเกิน 10% แล้วขายขาดทุนเนี่ย ปกติผมก็จะดึง stop loss ตามขึ้นไปเรื่อยๆ เช่น ถ้าราคามัน 6.00 บาท stop loss ผมก็อาจจะอยู่ที่ 5.50 (สมมตินะ)  แต่ต้นทุนผม 5.00 บาท แปลว่าอะไร ผมก็ได้ risk 2,000 บาท ของผมคืนตั้งแต่ยก stop loss มาที่ 5.00 แล้ว ก็ซื้อหุ้นต่อได้โดยใช้วิธีการเดิม

ระบบการวางเงินอย่างนี้แปลว่าอะไร ถ้าคุณคิดถูกเรื่อยๆเงินก็จะถูกใช้มากขึ้นเรื่อย แรกๆอาจจะช้าแต่ถ้าคุณคิดถูกบ่อยๆ เงินที่ใช้ก็จะมากขึ้นเอง ถ้าเกิดผิดทางหล่ะ อ่าวก็เสียอย่างมากก็ 2% ไง ง่ายจะตาย แต่ถ้าผิดบ่อยๆ MM ตัวนี้จะคอยยั้งไม่ให้คุณใช้เงินของพอตเยอะ เกินไป ง่ายไหม  ..... ก็ง่ายดิ ซื้อทีละตัว

คราวนี้ลองมาใช้ระบบเดิมแต่ซื้อหุ้น 2 ตัวบ้าง สมมติเป็นพอตเดิมนะขนาด 100,000 บาท risk of port อยู่ที่ 2% = 2,000 บาท เห็นหุ้น 2 ตัวสวยมาก คือ AAA กับ BBB โดยเราต้องการคุม risk ให้อยู่ใน 2,000 ใช่ไหม ถ้ามันสวยเท่ากันก็แบ่งไปคนละ 1,000 แล้วก็คิดแบบเดิมคือ

AAA      risk = 1,000    

ต้องการซื้อที่ราคา 5.00  และมี  stop loss  อยู่ที่  4.80

หุ้นที่ซื้อได้ =  1,000 / (5.00-4.80)  =  1,000 / 0.20 = 5,000

ใช้เงินไปทั้งหมด 5,000 x 5.00 = 25,000 บาท

BBB        risk = 1,000

ต้องการซื้อที่ราคา 2.06 และมี  stop loss  อยู่ที่  2.00

หุ้นที่ซื้อได้ =  1,000 / (2.06-2.00)  =  1,000 / 0.06 = 16,666.66  (ห้ามปัดขึ้น เลยใช้เลยใกล้แทน 16,000 จะใช้ 16,600 ก็ได้แต่จะหุ้นที่ได้มันจะมีเศษส่วนตัวไม่ชอบเพราะจำไม่ได้เวลาจะขายว่าต้องขายกี่หุ้น)

ใช้เงินไปทั้งหมด 16,000 x 2.06 = 32,960 บาท

รวมใช้เงินไป  25,000 + 32,960 = 57,960 บาท  .ใช้เงินมากกว่าเดิมประมาณ 16% ถือว่ามีศักยภาพมากขึ้น ในด้านการใช้เงินให้คุ้มค่า

แต่ถ้ารัก AAA กับ ฺฺBBB ไม่เท่ากัน อาจจะแบ่งเป็น 1,200 & 800  หรือ 500 & 1,500 ก็ตามใจ แต่อย่าให้ต่างกันเยอะมาก ยกเว้นอีกตัวเป็นสิททรัพย์ที่มีความผันผวนสูงเช่น หุ้นต่ำกว่าบาท หรือ dw

โดยปกติพอตเราจะแบ่งความเสี่ยงใส่ไปในพอตประมาณ 2-4 อย่างอยู่แล้ว

แต่ปกติเราจะไม่ค่อยใช้ 2% ของความเสี่ยงพอต เราจะแบ่งเป็น 4 level  คือ  low , medium , high  เหมือเบอร์พัดลม

โดยถ้าตลาดไม่ดีเลยหรือเรา bias ไม่ดีมากๆจะใช้ risk ที่ 2%  :  LOW

แต่ถ้าปกติเราจะให้มันอยู่ที่ 3-5%  :  MEDIUM

แต่ถ้าความเสี่ยงของพอตอยู่ที่ 5-6% : HIGH
ถือว่าตอนนั้นมองตลาดดีสุดๆแต่ต้องรีบลดภายใน 1-2 สัปดาห์

ที่สำคัญห้ามเกิน 6% ไม่งั้นเวลาพลาดจะแก้ยากมาก    

หลายๆคนเกิดคำถามในใจว่าถ้าเกิดเราเสี่ยงน้อยแบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะโต ผมคงต้องถามกลับไปว่า คุณจะอยู่ในตลาดนานแค่ไหน หรือแค่ได้เงินสักก้อนแล้วก็ออกไป เหมือนเข้าบ่อน??
หรืออยากอยู่ตลอดไป ถ้าเป็นอย่างหลัง คุณก็ต้องมีอะไรสักอย่างป้องกันตัว นี่คือทางเลือกครับ

จะรีบเข้ารีบออกไปทำไม อยู่ให้มันทำเงินให้เราใช้เรื่อยๆดีกว่า ผมว่านะ

ปล. มีแต่ในหนังนะครับที่นักรบออกรบโดยไม่มีโล่มีเกราะ
 สนามการลงทุนก็เหมือนสนามรบครับ หลบเก่งแค่ไหนสักวันก็ต้องโดน
พกโล่ไว้เถอะครับ
เพราะถ้าพลาดโดนขึ้นมาจริง
ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต






1 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณมากครับ เข้าใจมากขึ้นกว่าวันก่อนที่ สอนผ่านแชทมากเลย

    แต่ยังงง เรื่องตั้ง stop loss ตัวเลขมายังไง ?

    เช่น AAA ทำไมต้อง 5 - 4.8 = 0.2 ประมาณ -4%
    แต่ ฺ BBB 2.06 - 2 = 0.06 ประมาณ - 2 ถึง -3 %

    อธิบายเเพิ่มให้หน่อยครับ

    ตอบลบ